9 อันดับ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ในปี 2024

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน การทำอาหารรับประทานเองที่บ้านเริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทยที่จะต้องมีอยู่ในแต่ละมื้ออาหาร ดังนั้นการเลือกหม้อที่ใช้สำหรับการหุงข้าวก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆหรือสาวๆควรให้ความสำคัญ ดังนั้นเราจะพาไปดูกันว่าในปี 2024 มี หม้อหุงข้าวยี่ห้อไหนดี ที่น่าซื้อมาใช้งานบ้าง และยี่ห้อไหนที่จะตอบโจทย์ได้ครอบคลุมเป็นที่สุดของแต่ละด้านจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า 

9 อันดับ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

  • 1. โดยรวมดีที่สุด Philips HD4518/62 Lazada/Shopee
    2. งบประมาณดีที่สุด
    Otto CR-110 Lazada/Shopee
    3. สำหรับครอบครัวใหญ่ดีที่สุดYOTEX Lazada/Shopee
    4. สำหรับครอบครัวขนาดกลางดีที่สุดToshiba RC-18NMF Lazada/Shopee
    5. ขนาดกะทัดรัด สำหรับ 2 คน ดีที่สุดINSSA Lazada/Shopee
    6. อัจฉริยะดีที่สุด: Tefal RK730166 Lazada/Shopee
    7. ระบบดิจิตอลดีที่สุดPhilips HD4515/37 Lazada/Shopee
    8. ประหยัดเวลาดีที่สุด: ELECTROLUX- ERC-1800 Lazada/Shopee
    9. ขนาดใหญ่โรงแรมเชิงพาณิชย์ดีที่สุด: SANDE Lazada/Shopee

รีวิว 9 อันดับ หม้อหุงข้าว ตัวไหนดี 2024

1. Philips Digital Rice Cooker HD4518/62

หม้อหุงข้าวโดยรวมดีที่สุด

ข้อดี
  • โปรแกรมการทำอาหารให้เลือกมากมายถึง 18 โปรแกรม
  • ระบบทำความร้อน 3D อัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ
  • หม้อชั้นในทนทานและไม่ติดกระทะ
  • ฟังก์ชั่นอุ่นอุ่นสะดวก
  • วาล์วป้องกันน้ำล้นเพื่อการทำอาหารที่ไม่เลอะเทอะ
ข้อเสีย
  • ข้อมูลจำเพาะอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นและภูมิภาค
  • คุณสมบัติอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หม้อหุงข้าวดิจิตอล Philips HD4518/62 เป็นเครื่องใช้ในครัวอเนกประสงค์และมีประสิทธิภาพที่มอบความสะดวกสบายและความแม่นยำให้กับประสบการณ์การหุงข้าวของคุณ ด้วยโปรแกรมการหุงที่มีให้เลือกมากมายและคุณสมบัติอันชาญฉลาด ทำให้ได้ข้าวที่มีรสชาติดีอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย

หม้อหุงข้าวดีไซน์โค้งมนอัจฉริยะช่วยให้ได้ผลลัพธ์การทำอาหารที่สม่ำเสมอและเหมาะสมที่สุด ระบบทำความร้อน 3D อัจฉริยะส่งพลังงานความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้าวทุกเมล็ดจะสุกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฟังก์ชันอุ่นจะรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม คุณจึงเพลิดเพลินกับข้าวอุ่นได้ทุกเมื่อ

คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของหม้อหุงข้าวนี้คือโปรแกรมการทำอาหารที่ใช้งานง่ายถึง 18 รายการ ซึ่งมีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับโอกาสต่างๆ หม้อชั้นในเคลือบ 6 ชั้นที่ทนทานพร้อมการเคลือบหิน Bakuhanseki ช่วยให้กระจายความร้อนได้รวดเร็วและทั่วถึง ป้องกันข้าวและอาหารไม่ติดหม้อ การเคลือบเซรามิกปลอดสารพิษสองชั้นช่วยเพิ่มความทนทานและทำความสะอาดง่าย

ด้วยความจุ 1.8 ลิตร (10 ถ้วย) จึงเหมาะสำหรับอาหารขนาดครอบครัว วาล์วป้องกันน้ำล้นช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหกล้น มอบประสบการณ์การทำอาหารที่ไม่ยุ่งยาก

2. Otto – CR-110T

หม้อหุงข้าวงบประมาณดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 1 ลิตร
  • ใช้งานได้ทั้งหุง อุ่น นึ่งอาหาร
  • ภายในหม้อมีอัตราส่วนบอกอย่างชัดเจน
  • ผ่านการตรวจสอบมาตราฐาน
  • ตัวหม้อทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้

สำหรับหม้อหุงข้าวที่ต้องยกให้ว่างบประมาณดีที่สุด ต้องหม้อของแบรนด์ Otto รุ่น CR 110 เป็นหม้อที่มีความจุขนาด 1 ลิตร ตัวหม้อถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย มาพร้อมกับการออกแบบที่มีลวดลายดอกไม้สวยงาม หม้อของรุ่นนี้จะสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งหุงข้าว อุ่นอาหาร และนึ่งอาหาร ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ครบวงจรเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีระบบที่อุ่นให้แบบอัตโนมัติ ทำให้การใช้งานสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม  

ภายในหม้อมีแถบเลขอัตราส่วนระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ทำให้การวัดสัดส่วนในการหุงข้าวทำได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น หยิบจับได้อย่างสะดวกสบายกับหูจับที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ผิวของหม้อมีการเคลือบด้วยสารพิเศษที่ป้องกันปัญหาข้าวติดหม้ออีกด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานมาเป็นอย่างดี สามารถเชื่อมั่นได้ว่าใช้แล้วปลอดภัยอย่างแน่นอน

3. YOTEX

หม้อหุงข้าวสำหรับครอบครัวใหญ่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 5 ลิตรเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 
  • ใช้งานได้ทั้งหุงและนึ่งอาหาร
  • ทำอาหารได้มากถึง 10 เมนู 
  • วัสดุแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
ข้อเสีย
  • น้ำหนักตัวเครื่อง 3 กิโลกรัม

หม้อแบรนด์ YOTEX เป็นตัวที่เราอยากจะแนะนำสำหรับหุงข้าวในครอบครัวขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นหม้อขนาด 5 ลิตร ที่ใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ดูหรูหรา แถมยังทันสมัย ใช้งานได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังเป็นหม้อที่ใช้งานได้ทั้งหุง และนึ่ง มีเมนูสำหรับการทำอาหารให้เลือกมาถึง 10 ชนิดเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีปุ่มที่ใช้งานได้ง่าย สะดวกสบายเป็นอย่างมาก โดยมาพร้อมกับระบบทำความร้อนในรูปแบบ 3D ที่จะทำให้ความร้อนกระจายได้รอบทิศทาง 

นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ทำยังมีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานอีกด้วย มาพร้อมกับน้ำหนักหม้อ 3 กิโลกรัม เป็นหม้อที่ใช้ระบบดิจิตอล มีจอแสดงผลชัดเจน ปรับแต่งการตั้งค่าเองได้ ผ่านการเคลือบสารที่ตัวหม้อมาเป็นอย่างดี มั่นใจได้เลยว่าหุงแล้วข้าวจะไม่ติดหม้ออย่างแน่นอน มีมาตราส่วนระบุไว้ภายในหม้ออย่างชัดเจน ที่สำคัญยังสามารถตั้งเวลาหุงข้าวล่วงหน้าได้

4. Toshiba – RC-18NMF

หม้อหุงข้าวสำหรับครอบครัวขนาดกลางดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 1.8 ลิตร 
  • มีโปรแกรมหุงด่วน 15 นาที
  • ฟังก์ชั่นหลากหลาย
  • เคลือบด้วยสาร Healthy Flon
  • โปรแกรมทำอาหาร 10 เมนู
ข้อเสีย
  • ตัวปุ่มตั้งค่ากดใช้งานค่อนข้างยาก

สำหรับหม้อหุงข้าวที่เราจะแนะนำว่าเป็นตัวที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวขนาดกลาง คือ หม้อของแบรนด์ Toshiba รุ่น RC 18NMF ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุ 1.8 ลิตร หม้อมีขนาดกลางหุงข้าวได้ในปริมาณที่มาก กำลังไฟทั้งหมด 680 วัตต์ เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่สำคัญยังมาพร้อมกับการใช้งานที่สะดวกสบาย หน้าจอเป็นแบบ LCD ที่ระบุเวลาต่างๆไว้อย่างชัดเจน และยังมีระบบในการตั้งเวลาสำหรับการใช้งานแบบอัตโนมัติได้

ที่สำคัญเป็นหม้อที่มีความหนาทั้งหมด 4 มิลลิเมตร แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน อีกทั้งยังผ่านการเคลือบด้วยสาร Healthy Flon ซึ่งทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย หุงแล้วข้าวไม่ติดหม้อแน่นอน มาพร้อมกับโปรแกรมสำหรับการทำอาหารได้ถึง 10 เมนู มีฟังก์ชั่นสำหรับการตั้งเวลาในการตุ๋นและนึ่งอาหาร รองรับการหุงข้าวได้หลากหลายประเภท มาพร้อมกับโปรแกรมหุงด่วนที่ใช้ระยะเวลาแค่ 15 นาที

5. INSSA 

หม้อหุงข้าวขนาดกะทัดรัด สำหรับ 2 คน ดีที่สุด

ข้อดี
  • การออกแบบที่กะทัดรัดและประหยัดพื้นที่
  • แท็งก์ด้านในเคลือบสารกันติดที่ทำความสะอาดง่าย
  • ใช้งานได้หลากหลายด้วยปุ่มฟังก์ชั่น 9 ปุ่ม
  • ความร้อนรอบทิศทาง 360° เพื่อการทำอาหารที่สม่ำเสมอ
  • คุณลักษณะด้านความปลอดภัยสำหรับการใช้งานโดยปราศจากความกังวล
ข้อเสีย
  • ความจุจำกัดเหมาะสำหรับ 2 ท่านเท่านั้น
  • รูปแบบของผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างจากรูปภาพเล็กน้อ

หม้อหุงข้าว INSSA Life เป็นเครื่องใช้ในครัวขนาดกะทัดรัดและสะดวกสบาย เหมาะสำหรับครัวเรือนขนาดเล็ก ด้วยดีไซน์ทรงเหลี่ยมมน หม้อหุงข้าวนี้ไม่เพียงแต่น่ารักเท่านั้น แต่ยังประหยัดพื้นที่อีกด้วย จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคู่รักหรือบุคคลทั่วไป

การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายด้วยการออกแบบให้ทำความสะอาดง่ายเพียงแค่เช็ดเพียงครั้งเดียว แท็งก์ด้านในเป็นแบบ non-stick ทำให้อาหารไม่ติดและทำความสะอาดง่ายหลังทำอาหาร หม้อหุงข้าวมีความจุ 2 ลิตร ให้ข้าวเพียงพอสำหรับ 2 คน

มีปุ่มฟังก์ชัน 9 ปุ่ม ได้แก่ การหุงแบบละเอียดอ่อน การหุงแบบด่วน ข้าวต้ม ซุป สตูว์ โยเกิร์ต เค้ก การนึ่ง และการอุ่นอาหาร หม้อหุงข้าวนี้มีความอเนกประสงค์ในการทำอาหารหลากหลายเมนู ความร้อนรอบทิศทาง 360° ช่วยให้ปรุงอาหารได้ทั่วถึงและทั่วถึง

คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกด้วยฟังก์ชันในตัวเพื่อป้องกันการไหม้เมื่อน้ำแห้งหรือเกิดความร้อนสูงเกินไป ฟังก์ชั่นเตือนช่วยเพิ่มความอุ่นใจระหว่างการใช้งาน

6. Tefal – RK730166

หม้อหุงข้าวอัจฉริยะดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 1 ลิตร
  • โปรแกรม AI กำหนดระยะเวลาหุงข้าวให้เอง 
  • หม้อมีความหนา 1.5 มิลลิเมตร แข็งแรง ทนานต่อการใช้งาน
  • ระบบอุ่นอัตโนมัติต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง 
  • ปุ่มกดใช้งานง่ายและมีโปรแกรมทำอาหาร 8 เมนู 
ข้อเสีย
  • ไม่มีจอแสดงรายละเอียดต่างๆ

หม้อ หุง ข้าว ไฟฟ้า ที่ดีที่สุดในเรื่องของการทำงานแบบอัจฉริยะต้องแนะนำหม้อของแบรนด์ Tefal รุ่น RK730166 ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุขนาด 1 ลิตร มีเทคโนโลยีในการหุงข้าวที่ผ่านการคิดค้นมาเป็นอย่างดี สามารถคิดคำนวณและปรับเวลาที่เหมาะสมให้ได้ โดยที่เราไม่ต้องตั้งค่าหรือระบุเวลาอะไรเลย ฟังก์ชั่นต่างๆใช้งานได้ง่ายแค่เพียงกดปุ่มเลือกเมนูและกดปุ่มเริ่มทำงานเท่านั้น 

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมทำอาหารแบบอัตโนมัติทั้งหมด 8 เมนู มาพร้อมกับระบบหมุนเวียนและกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง ผ่านการเคลือบสารมาเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวติดหม้อ ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ถอดออกมาล้างได้ หม้อมีความหนา 1.5 มิลลิเมตร อีกทั้งยังแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานอีกด้วย ที่สำคัญยังมีระบบอุ่นแบบอัตโนมัติ ซึ่งใช้งานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ชั่วโมง

7. Philips – HD4515/37

หม้อหุงข้าวระบบดิจิตอลดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 1.8 ลิตร 
  • หน้าจอดิจิตอลขนาดใหญ่ 
  • รักษาความอุ่นของอาหารได้ 24 ชั่วโมง 
  • โปรแกรมปรุงอาหาร 8 เมนู 
ข้อเสีย
  • ไม่มีโปรแกรมคำนวณเวลาการหุงข้าวแบบอัตโนมัติ

ม้อ หุง ข้าว ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับระบบดิจิตอลที่ดีที่สุด ต้องแนะนำหม้อของแบรนด์ Philips รุ่น HD4515 / 37 โดยเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุขนาด 1.8 ลิตร ตัวหม้อมีความหนาพิเศษถึง 3 มิลลิเมตร แข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน ที่สำคัญยังมีการเคลือยสารกันอาหารติด มีเมนูสำหรับการปรุงอาหารได้ทั้งหมด 8 แบบ ตัวฝาด้านบนและตัวหม้อถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ ระบุเมนู และระยะเวลาไว้อย่างชัดเจน มาพร้อมกับเมนูภาษาไทยทั้งหมด

ที่สำคัญยังมีฟังก์ชั่นในการอุ่นอาหารได้แบบอัตโนมัติอีกด้วย ซึ่งจะช่วยรักษาความอุ่นของอาหารได้เป็นอย่างดี คงความร้อนอย่างยาวนานมากถึง 24 ชั่วโมง การทำความร้อนจะเป็นระบบ 3 มิติ กระจายความร้อนไปในจุดต่างๆได้อย่างทั่วถึงเลยทีเดียว สามารถใช้งานได้กับข้าวทุกประเภท ปุ่มกดจะอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง กดใช้งานได้อย่างง่ายดาย มีขนาดใหญ่ ดีไซน์ตัวเครื่องดูเรียบง่ายเข้าได้กับทุกพื้นที่

8. ELECTROLUX- ERC-1800

หม้อหุงข้าวประหยัดเวลาดีที่สุด

ข้อดี
  • ความจุขนาด 1.8 ลิตร 
  • ฝาหม้อเป็นแบบแก้วใส 
  • หุงข้าวได้หลากหลายประเภท 
  • ใช้งานได้สะดวกสบาย ควบคุมโดยใช้ปุ่มเดียว 
  • กระจายความร้อนได้เป็นอย่างดี 
ข้อเสีย
  • น้ำหนักหม้อ 2.8 กิโลกรัม

สำหรับหม้อของแบรนด์ Electrolux รุ่น ERC 1800 เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ชีวิตรีบเร่งของเมืองได้เป็นอย่างดี  เพราะทำให้การหุงข้าวเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตัวหม้อที่ใช้งานได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่มเดียวเท่านั้น โดยมีความจุขนาด 1.8 ลิตร เคลือบด้านในหม้อด้วยอลูมิเนียมอย่างดีเพื่อป้องกันข้าวติดหม้อ นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทาน ต่อการใช้งาน และกระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย 

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่สามารถหุงข้าวได้หลากหลายประเภท ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวประเภทอื่นๆก็สามารถใช้หุงได้ สายไฟมีความยาว 1.2 เมตร น้ำหนักของตัวหม้อหุง 2.8 กิโลกรัม มีหูจับทั้งสองฝั่งเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกสบาย ตัวฝาหม้อเป็นแบบแก้วใส ที่มาพร้อมกับรูระบายไอน้ำ สามารถมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน 

9. SANDE 10 liters

หม้อหุงข้าวขนาดใหญ่โรงแรมเชิงพาณิชย์ดีที่สุด

ข้อดี
  • ใช้งานได้หลากหลายทั้ง หุงข้าว นึ่งและต้ม
  • กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง
  • ควบคุมได้ผ่านปุ่มเดียว 
  • ผ่านการเคลือบสารต่างๆมาเป็นอย่างดี
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถตั้งค่าอย่างละเอียดได้

หม้อหุงข้าวขนาดใหญ่ที่ใช้งานสำหรับเชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดเราขอแนะนำหม้อของแบรนด์ Sande เป็นหม้อที่มีความจุ 10 ลิตร มาพร้อมกับความหนาแบบพิเศษ ใช้งานได้ทั้งหุงข้าว นึ่ง และต้มได้อีกด้วย ใช้งานได้ไม่ยาก ควบคุมผ่านแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น เป็นการควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่มเติม ด้านในของตัวหม้อถูกเคลือบด้วยสารอลูมิเนียมที่ไม่ทำให้ข้าวติดหม้อ 

ใช้วัสดุคุณภาพสูงในการใช้งาน มีความหนา ทนทาน ระบบกระจายความร้อนทำงานได้ทั่วถึงพื้นที่ ได้ความที่หุงสุกทุกเมล็ดอย่างแน่นอน ผ่านการเคลือบมาทั้งหมด 5 ชั้น มีทั้งเซรามิก เหล็ก ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าสามารถล็อกความร้อนได้เป็นอย่างดีแน่นอน ใช้งาน 2 ฟังก์ชั่นได้พร้อมๆกันทั้งหุงและนึ่ง สะดวกสบาย ประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับด้ามจับแบบกันความร้อนที่เคลื่อนย้ายได้ง่ายดาย 

คู่มือการซื้อ หม้อหุงข้าว

คู่มือการซื้อ หม้อหุงข้าว

ประเภทของหม้อหุงข้าว

ไมโครคอมพิวเตอร์

สำหรับหม้อที่ใช้งานระบบไมโครคอมพิวเตอร์จะเป็นรุ่นที่มีราคาไม่แพง โดยระบบภายในจะไม่ซับซ้อน จะเป็นการกระจายความร้อนจากด้านล่างของตัวเครื่อง มาพร้อมกับความเรียบง่าย อีกทั้งยังใช้งานได้ไม่ยาก ที่สำคัญยังหุงข้าวได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

แต่สำหรับจุดด้อยของระบบนี้ก็คือใช้งานได้แค่หุงข้าวเท่านั้น ไม่สามารถใช้สำหรับทำอย่างอื่นได้ และการที่มีการกระจายความร้อนได้ไม่ทั่วถึง กระจายความร้อนแค่จากมุมล่างของตัวเครื่อง ก็ทำให้ข้าวในแต่ละจุดสุกไม่เสมอกัน

  • แม่เหล็กไฟฟ้า สำหรับหม้อที่ใช้งานระบบแม่เหล็กไฟฟ้า ราคาเริ่มต้นจะอยู่ในช่วงหลักพันเป็นต้นไป ซึ่งเป็นรุ่นที่แม้ราคาจะอยู่ในช่วงกลางๆ แต่ก็สามารถแก้ปัญหาต่างๆที่เจอจากหม้อของระบบไมโครคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็คือการแก้ปัญหาการกระจายความร้อนนั้นเอง เพราะสำหรับหม้อระบบแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีการกระจายความร้อนที่ทำออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับจุดด้อยก็คือเรื่องของระยะเวลาในการหุงข้าวที่จะใช้เวลานานกว่าระบบไมโครคอมพิวเตอร์นั้นเอง แต่ก็จะได้เมล็ดข้าวที่หุงสุกออกมาเสมอกัน 
  • แรงดันสูง สำหรับหม้อที่ใช้งานระบบแรงดันสูง เป็นหม้อที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งหุงข้าว อีกทั้งยังทำเมนูอื่นๆได้อีกด้วย ทั้ง อุ่นอาหาร ตุ๋นอาหาร ต้ม หรือจะนึ่งก็ได้เช่นเดียวกัน มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยให้การกระจายความร้อนทำได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ปุ่มกดต่างๆใช้งานได้ง่าย ตั้งค่าได้อย่างละเอียด ที่สำคัญยังมีการใส่ฟังก์ชั่นที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาให้ใช้งานได้อีกด้วยแต่สำหรับจุดด้อยของระบบแรงดันสูงก็คือราคาที่ค่อนข้างสูง และเวลาในการหุงข้าวที่นานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

วิธีเลือกซื้อหม้อหุงข้าว

ความจุ

สำหรับความจุของหม้อถ้าจะเลือกก็ต้องดูก่อนว่าจำนวนของคนที่รับประทานข้าวในบ้านมีทั้งหมดกี่คน เนื่องจากจะมีหม้อหลากหลายขนาด โดยมีตั้งแต่ขนาด 1 ลิตร ซึ่งเหมาะกับการอยู่คนเดียวและเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กแค่จำนวน 1- 3 คนเท่านั้น แต่สำหรับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาประมาณ 4 – 5 คน ความจุของหม้อควรจะมีขนาด 1.5 – 1.8 ลิตรขึ้นไป และถ้าหากมีจำนวนมากกว่านั้นก็ควรจะมีความจุที่มากกว่า 2 ลิตร ซึ่งเป็นความจุขนาดใหญ่ 

ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อหม้อเรื่องความจุจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าจะทำให้สามารถหุงของออกมาได้ตอบโจทย์กับจำนวนคนที่มี เพียงพอต่อความต้องการอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรเลือกความจุที่ขนาดใหญ่จนเกินไป เพราะว่าจะมีกำลังไฟที่ต้องใช้งานมากยิ่งขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นความจุที่เหมาะสมที่สุดก็คือความจุที่เพียงพอต่อการหุงข้าวได้ในปริมาณที่ต้องการนั้นเอง 

ฟังก์ชั่น

การเลือกซื้อหม้อสำหรับหุงข้าว เรื่องของฟังก์ชั่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยควรเลือกซื้อหม้อที่มีฟังก์ชั่นสำหรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานได้มากที่สุด ซึ่งเราก็ได้รวบรวมฟังก์ชั่นต่างๆของหม้อมาฝาก จะได้ตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม ว่าฟังก์ชั่นไหนที่ควรจะมีหรือไม่ต้องมีสำหรับหม้อที่ทุกท่านต้องการใช้งาน 

  • ฟังก์ชั่นในการทำเมนูอื่นๆ นอกจากที่จะหุงข้าวได้แล้ว ในปัจจุบันหม้อหุงข้าวยังมีฟังก์ชั่นที่สามารถทำเมนูอาหารได้อย่างหลากหลาย ทั้งต้ม ทั้งตุ๋น และอบขนมก็ทำได้เช่นเดียวกัน โดยจะมีโปรแกรมสำหรับการทำอาหารมาให้เลือกโหมดที่ต้องการได้ ทำได้ง่าย อีกทั้งยังสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
  • ฟังก์ชั่นสำหรับการหุงข้าวกล้องและข้าวผสมธัญพืช ในตอนนี้กระแสของเทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง บางท่านก็อาจจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทานข้าว ไปทานข้าวกล้องหรือข้าวผสมธัญพืชมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องใช้กำลังไฟฟ้าและระยะเวลาในการหุงที่แตกต่างกัน ดังนั้นฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานหุงข้าวได้เหมาะกับประเภทของข้าวก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลย 
  • ฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานได้ 2 อย่างพร้อมกัน สำหรับชีวิตที่รีบเร่งอย่างในปัจจุบัน การทำหลายๆอย่างได้พร้อมกันก็เป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ในปัจจุบันก็มีหลากหลายรุ่นที่สามารถใช้งานทั้ง นึ่งและหุงข้าวได้พร้อมกัน หรือใช้งานอุ่นอาหารและหุงข้าวได้พร้อมกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 

ใช้งานง่ายและทำความสะอาด

เรื่องของการทำความสะอาดได้ง่ายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าการใช้หุงข้าวซึ่งต้องกินในทุกๆมื้ออาหาร ก็ควรจะมีเรื่องของความสะอาดเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องเป็นหม้อที่มีชิ้นส่วนไม่เยอะ ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย ดูแลรักษาได้ง่าย ถ้าจะเลือกต้องเลือกหม้อแบบนี้จะคุ้มค่ามากกว่า ไม่งั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการถอดออกมาทำความสะอาดที่นาน จนสุดท้ายก็เสียเวลาในการทำอย่างอื่น 

ที่สำคัญในเรื่องของการใช้งานต้องไม่ซับซ้อนจนเกินไป ใช้งานได้ง่าย แต่ก็ควรมีเมนูที่ชัดเจน กดตั้งค่าได้ไม่ยากอีกด้วย เพราะว่าการหุงข้าวเป็นสิ่งที่ต้องทำในทุกๆวัน ถ้าหากใช้งานได้ยาก ก็คงไม่มีคนอยากหยิบออกมาใช้งานอย่างแน่นอน

ตัวเลือกเวลาทำอาหาร

ตัวเลือกต่างๆที่ใช้ในการทำอาหารได้ อย่างโปรแกรมทางลัดที่กดใช้งานเพื่อทำอาหารเมนูต่างๆ ก็ช่วยทำให้งานครัวทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อยากที่จะปรุงอาหารเมนูอะไรก็สามารถทำได้ไม่ยากอีกด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่ยากได้ฟังก์ชั่นของเครื่องแค่การหุงข้าวเพียงอย่างเดียว การเลือกหม้อที่มีฟังก์ชั่นในการทำงานได้อย่างหลากหลาย ก็นับว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ และไม่ควรที่จะมองข้ามเลย เพราะว่าจะใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

วัสดุของหม้อ

เรื่องของวัสดุ เป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะการเลือกซื้อหม้อ การใช้วัสดุที่นำความร้อนได้สูงก็ยิ่งช่วยทำให้ข้าวสุกไวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยิ่งถ้าหากมีการเคลือบสารต่างๆเข้ามาเพิ่มเติม ก็ยิ่งทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น สารเคลือบที่ไม่ทำให้ข้าวติดหม้อ 

อีกทั้งเรื่องของวัสดุจะทำให้สามารถใช้งานได้อย่างคงทน มีระยะเวลาในการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนหม้อบ่อยๆอีกด้วย ถ้าหากจะซื้อทั้งที ก็ควรเลือกซื้อหม้อที่มีวัสดุแข็งแรงทนทานไปเลย 

การรับประกัน

บางท่านอาจยังไม่รู้ว่าการรับประกันก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะสร้างความไว้วางใจได้เป็นอย่างดี  ถ้าหากซื้อหม้อที่มีการรับประกันก็ทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าต้องมีคุณภาพสูงอย่างแน่นอน อีกทั้งตอนเกิดปัญหาก็จะได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วอีกด้วย แต่สำหรับบางแบรนด์จะมีการรับประกันในชิ้นส่วนต่างๆที่ให้ระยะเวลาแตกต่างกันออกไป 

ดังนั้นควรที่จะตรวจสอบให้ดี และเก็บใบรับประกันไว้ดีๆอีกด้วย เพื่อให้สามารถใช้สิทธิกันได้ตามระยะเวลาที่ครอบคลุม นอกจากนี้บางแบรนด์ก็จะมีศูนย์บริการให้สามารถติดต่อขอคำปรึกษา หรือจองคิวก่อนที่จะนำเครื่องเข้าไปซ่อมกันได้ เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการ จึงบอกได้เลยว่าถ้าหากจะเลือกซื้อทั้งที ถ้าการรับประกันมีระยะเวลานาน แม้ว่าจะมั่นใจว่าไม่เกิดปัญหาแน่นอน แต่ถ้ามีประกันอยู่ก็จะทำให้ใช้งานได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น ถ้าจะเลือกซื้อก็ซื้อหม้อที่มีประกันดีกว่า 

ราคาหม้อหุงข้าว 

ก่อนที่จะคิดว่าจะเลือกซื้อหม้อหุงข้าวยี่ห้อไหนดีหนึ่งในประเด็นหลักที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เรื่องของราคาหม้อ ซึ่งต้องเลือกให้เข้ากับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ แต่ก็ควรจะครอบคลุมคุณสมบัติต่างๆที่ต้องการอีกด้วย และสำหรับการใช้งานในการหุงข้าว ควรจะเลือกหม้อที่มีราคาหลักพันต้นๆ ซึ่งจะได้ทั้งคูรภาพที่ดี กระจายความร้อนได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังได้ฟังก์ชั่นในการใช้งานที่หลากหลายอีกด้วย การลงทุนซื้อหม้อสำหรับหุงข้าวจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะใช้งานได้ในทุกๆวัน อีกทั้งยังมีความทนทานอีกด้วย

Best Rice Cooker

คำถามและคำตอบ

คุณสามารถทำอะไรได้อีกในหม้อหุงข้าว?

ในปัจจุบันนอกจากการใช้หม้อสำหรับหุงข้าวได้แล้ว ยังใช้งานสำหรับอุ่น หุง ต้ม นึง และปรุงอาหารได้อีกด้วย เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีโปรแกรมสำหรับการทำเมนูต่างๆที่สามารถกดใช้งานได้ง่าย แค่เพียงกดปุ่มเลือกเมนูที่ต้องการเท่านั้น เรียกได้ว่าหม้อสำหรับหุงข้าวในตอนนี้ จะไม่ได้มีไว้ใช้งานแค่หุงข้าวเท่านั้นอีกต่อไป จะเมนูไหนก็ทำได้เกือบทั้งหมด

ทำความสะอาดหม้อหุงข้าวอย่างไร?

การทำความสะอาดหม้อหุงข้าวทำได้ไม่ยาก โดยให้ถอดหม้อด้านในออกมาเพื่อล้างทำความสะอาด ซึ่งทำได้ทั้งแบบที่เอาไปแช่ในน้ำอุ่น หรือล้างด้วยการใช้น้ำยาล้างจานก็ได้ทั้งนั้น หลังจากนั้นก็ให้เช็ดทำความสดอาดให้แห้ง นอกจากนี้ต้องอย่าลืมที่จะนำฝาหม้อด้านบนมาล้างทำความสะอาดด้วย แต่สำหรับบางรุ่นอาจจะถอดฝาหม้อออกมาไม่ได้ แต่ก็สามารถที่จะใช้น้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาด และทำให้แห้งได้เช่นเดียวกัน