เทคโนโลยีไร้สายถือเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะไม่ต้องกังวลกับสายที่พะรุงพะรังแล้ว การใช้งานอุปกรณ์ไร้สายยังทำให้คุณดูเท่ ทันสมัยอีกด้วย เช่นเดียวกันกับหูฟังไร้สายที่มีให้เลือกซื้อเลือกใช้ด้วยกันหลายยี่ห้อ หลายรูปแบบและหลายระดับราคา ตั้งแต่แบบใช้งานทั่วไปในราคาหลักร้อยบาท ไปจนถึงระดับพรีเมียมในราคาหลักหมื่นบาทกันเลยทีเดียว
ซึ่งหากคุณไม่รู้ว่าจะต้องเลือกหูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับการใช้งานของตนเองดี ในวันนี้เราก็ได้นำทริคในการเลือกหูฟังไร้สายมาให้ได้อ่านกัน ทั้งยังมาพร้อมกับการแนะนำหูฟังไร้สาย ที่เราคัดเลือกมาให้มากถึง 9 อันดับจากหลากหลายแบรนด์ยอดนิยมมาฝากอีกด้วย ซึ่งก็มีทั้งหูฟังไร้สายราคาถูก, หูฟังไร้สายขนาดกะทัดรัด, หูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนได้, หูฟังไร้สายสำหรับอุปกรณ์ Apple และหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย เป็นต้น ส่วนจะมีแบบไหน รุ่นใดน่าสนใจบ้าง ไปดูกันต่อได้เลยค่ะ
9 อันดับ หูฟังไร้สาย
- 1. หูฟังไร้สายที่ดีที่สุดโดยรวม: Bose – Headphones 700 Lazada/Shopee
- 2. หูฟังไร้สายงบประมาณดีที่สุด: OPPO Enco Buds2 Lazada/Shopee
- 3. สำหรับการตัดเสียงรบกวน: Sony WH-1000XM5 Lazada/Shopee
- 4. Apple หูฟังไร้สายดีที่สุด: Apple – AirPods 3rd generation Lazada/Shopee
- 5. ขนาดกะทัดรัด ดีที่สุด: Samsung Galaxy Buds2 Pro Lazada/Shopee
- 6. สำหรับออกกำลังกายดีที่สุด: JBL Endurance Run BT Lazada/Shopee
- 7. หูฟังไร้สายยาวนานดีที่สุด: Marshall Major IV Bluetooth Lazada/Shopee
- 8. หูฟังไร้สาย น้ำหนักเบาดีที่สุด: HUAWEI FreeBuds 5i Lazada/Shopee
- 9. หูฟังไร้สาย สำหรับเล่นเกมดีที่สุด: Xiaomi Redmi Buds 4 Lazada/Shopee
- ลำโพงบลูทูธที่ดีที่สุดที่จะซื้อในปีนี้
- หูฟังเกมมิ่งที่ดีที่สุดที่จะใช้ในปีนี้
หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดีปี 2024
1. Bose – Headphones 700
หูฟังไร้สายที่ดีที่สุดโดยรวม
- หูฟังตัดเสียงรบกวนได้ 11 ระดับ
- เสียงคมชัด ไพเราะ เบสหนัก
- สามารถปรับเสียงในไมโครโฟนให้ชัดเจน ลดเสียงรบกวนภายนอกได้
- สั่งการผ่านเสียงได้
- ใช้งานง่ายผ่านระบบสัมผัส
- ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 20 ชั่วโมง
- เชื่อมต่อกับซาวด์บาร์ของ Boss ได้ ผ่านเทคโนโลยี Bose SimpleSync
- ราคาค่อนข้างสูง
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบและคลุกคลีอยู่ในวงการเพลงอยู่แล้ว คงคุ้นหูกับชื่อแบรนด์ Bose อย่างแน่นอน เพราะแบรนด์นี้มีอุปกรณ์ให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งซาวด์บาร์ เครื่องเสียง ลำโพง เป็นต้น ซึ่งสำหรับหูฟังจาก Bose ก็ไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ เพราะแม้จะราคาค่อนข้างสูง แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยเป็นหูฟังไร้สายแบบครอบหูที่มีดีไซน์ทันสมัย เรียบแต่หรู น้ำหนักเบา พกพาง่าย
และยังมาพร้อมกับคุณภาพเสียงระดับไฮเอนท์ ที่มีทั้งความคมชัด ไพเราะและยังให้เบสที่นุ่มลึก ส่วนฟังก์ชันอื่น ๆ นั้น ก็ให้มาอย่างจัดเต็ม ทั้งระบบตัดเสียงรบกวนที่มีมาทั้งในไมโครโฟนและในหูฟังที่ให้มาถึง 11 ระดับ คุณจึงสามารถดื่มด่ำกับความบันเทิงได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น แถมตัวนี้ยังสามารถใช้เชื่อมกับซาวน์บาร์ของแบรนด์ตัวเองได้ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงอีกด้วยล่ะค่ะ
2. OPPO Enco Buds2
หูฟังไร้สายงบประมาณดีที่สุด
- คุณภาพดี ราคาย่อมเยา
- มีโหมด High Gear สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ
- เทคโนโลยี Bi เชื่อมต่อรวดเร็ว
- เสียงเบสนุ่ม ฟังเพลงเพราะ
- ตัดเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ได้
- กันน้ำและกันฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง ได้รับมาตรฐาน IPX4
- แบตเตอรี่รองรับการใช้งานถึง 28 ชั่วโมง
- เสียงเบสไม่หนักมากนัก
- ไม่มีฟังก์ชันสั่งการด้วยเสียง
ต้องยกให้เป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายคุณภาพดีราคาถูก ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ๆ โดยหูฟัง OPPO Enco Buds2 ทั้งยังมีคุณภาพเสียงคมชัด เบสนุ่มกำลังดี จะฟังเพลงก็ไพเราะ หรือจะฟังพอดแคสก็เพลินทั้งวัน เห็นราคาย่อมเยาแบบนี้ แต่ทาง OPPO ก็ให้สเปกที่น่าใช้งานและโดดเด่นพอสมควรทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นตัวแบตเตอรี่ ที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 28 ชม.
มาพร้อมกับเทคโนโลยี Binaural Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณได้รวดเร็วขึ้นกว่าที่เคย แถมสายเกมเมอร์ที่มองหาหูฟังไร้สายราคาย่อมเยา รุ่นนี้ถือว่าเหมาะมาก ๆ เพราะมีค่าความหน่วงต่ำ ไม่ทำให้เสียงสะดุดขณะเล่น แถมยังมีโหมด High Gear ที่เป็นโหมดสำหรับเล่นเกมมาให้ต่างหาก จึงช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มด่ำความสนุกในทุกแมทช์เกมเลยล่ะค่ะ
3. Sony WH-1000XM5
หูฟังไร้สายที่ดีที่สุดสำหรับการตัดเสียงรบกวน
- ตัดเสียงรบกวนได้ดีเยี่ยม
- ดีไซน์เรียบหรู
- สั่งการด้วยเสียงและใช้งานระบบสัมผัสได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว
- วัสดุคุณภาพดี ที่ครอบหูนุ่ม ใส่สบาย
- ให้เสียงที่ไพเราะ เบสนุ่มลึก
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว
- เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ 2 เครื่องพร้อมกันได้
- มีไมโครโฟน 5 ตัว สามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจนขึ้น
- มีโหมด Speak-to-Chat ที่จะหยุดเสียงเพลงอัตโนมัติ เมื่อคุณสนทนากับผู้อื่น
- ราคาค่อนข้างสูง
Sony ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและ Gadget คุณภาพสูงที่หลายคนเทใจให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบที่เน้นความเรียบแต่หรู ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุคุณภาพดี อุปกรณ์แบรนด์นี้จึงคว้าใจผู้ใช้งานได้อย่างอยู่หมัดแม้จะมีราคาสูงนั่นเองค่ะ และสำหรับหูฟังไร้สาย Sony WH-1000XM5 ที่เรานำมาแนะนำรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ผู้ใช้งานจริงหลายคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก ๆ
ทั้งยังสามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีคุณภาพเสียงไพเราะ เบสนุ่มลึก แถมยังให้คุณฟังเพลงได้เพลินทั้งวันโดยไม่รู้สึกปวดหู เพราะใช้เลือกใช้วัสดุคุณภาพดีที่ให้สัมผัสนุ่ม สบาย ตัวนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่า 30 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จเร็วเพียง 10 นาที สามารถใช้งานต่อได้อีก 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่น่าสนใจสำหรับรุ่นนี้ก็คือฟังก์ชั่นสุดล้ำอย่าง Speak-to-Chat ที่จะหยุดเสียงเพลงได้อัตโนมัติเมื่อคุณเริ่มสนทนากับเพื่อน ๆ
4. Apple – AirPods 3rd generation
Apple หูฟังไร้สายดีที่สุด
- ดีไซน์สวยงาม เรียบหรู
- คุณภาพเสียงดี ไพเราะ เบสนุ่มลึก
- วัสดุคุณภาพดี ที่ครอบหูนุ่ม ที่ครอบศีรษะแข็งแรงทนทาน
- มีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนและลดความผิดเพี้ยนของเสียง
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนได้ดี เสียงคมชัด
- มีปุ่มสลับโหมดฟังเพลงและฟังเสียงภายนอก
- เชื่อมต่อกับ iPhone และ iPad ได้ง่าย เพียงไว้ข้าง ๆ กัน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 20 ชั่วโมง
- รองรับเฉพาะอุปกรณ์แพลตฟอร์ม iOS เท่านั้น
เอาใจสาวก Apple กันบ้างคะ กับหูฟังไร้สาย Apple – AirPods 3rd generationที่ทำมาเพื่อชาว iOS โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าแบรนด์พรีเมียมอย่าง Apple นั้น ไม่ว่าจะทำสินค้าตัวไหนออกมาก็ทำเอาวงการไอทีสั่นสะเทือน เช่นเดียวกันกับ AirPods 3rd generation ตัวนี้ที่โดดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงอันไพเราะ เบสนุ่ม ๆ เหมาะทั้งกับการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมมันส์ ๆ
ทั้งยังมีการออกแบบที่ใส่ใจผู้ใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภาพนอกที่ดูเรียบง่ายอย่างลงตัว หรือจะเป็นวัสดุที่ครอบศีรษะที่นุ่มพิเศษแต่คงความแข็งแรงทนทาน และในส่วนของที่ครอบหูก็ให้สัมผัสสบายใส่ได้นาน ไม่ปวดหูและปรับระดับขึ้นลงได้อีกด้วย ส่วนตัวแบตเตอรี่นั้นก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน รุ่นนี้ยังมีให้เลือกด้วยกัน 5 สี ใครชอบสไตล์ไหนก็จับจองกันได้เลย รับรองว่าไม่ผิดหวัง
5. Samsung Galaxy Buds2 Pro
หูฟังไร้สายขนาดกะทัดรัด ดีที่สุด
- เป็นแบบหูฟัง In Ear ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย
- ตัดเสียงรบกวน และเพิ่มความคมชัดในการรับฟัง
- ไมโครโฟนลดเสียงรบกวนภายนอก
- มีฟังก์ชัน Ambient Sound ที่จะลดเสียงลงอัตโนมัติเมื่อคุณสนทนา โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก
- คุณภาพเสียงไพเราะ เทียบเท่าเสียงในสตูดิโอ
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้รวดเร็วผ่านเทคโนโลยี Auto Switch
- สามารถตามหาหูฟังได้ผ่านแอป Smart Things
- ดีไซน์ทันสมัย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 28 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว
- กันน้ำได้ที่มาตรฐาน IPX7
- ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
สำหรับหูฟังไร้สายรุ่น Samsung Galaxy Buds2 Pro จาก Samsung รุ่นนี้ ไม่ได้มีดีแค่สีสันสดใสเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีรูปทรงเล็กกะทัดรัดที่เหมาะกับการพกพา และยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน Ambient Sound ที่จะช่วยให้คุณสามารถใส่หูฟังได้โดยไม่ต้องถอดออกแม้กำลังฟังเพลงและสนทนากับผู้อื่นอยู่ เพราะหูฟังจะสามารถลดเสียงลงได้เองอัตโนมัติ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้อย่างรวดเร็วผ่าน Auto Switch
และที่เจ๋งมาก ๆ คือฟังก์ชันในการตามหาหูฟังได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Smart Things ค่ะ นอกจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้กล่าวไปแล้วในเรื่องของการตัดเสียงรบกวนก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นหนึ่ง เพราะสามารถทำออกมาได้ดีทั้งในส่วนตัวตัดเสียงรบกวนในหูฟัง ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการเสพความบันเทิงได้เต็มที่ และตัวตัดเสียงในไมโครโฟนที่จะช่วยให้คุณพูดคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน ไม่มีสะดุดค่ะ
6. JBL – Endurance Run BT
หูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกายดีที่สุด
- เป็นหูฟังสำหรับออกกำลังกาย ดีไซน์ทันสมัย มีสายคล้องในตัว
- ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
- ให้เสียงที่ไพเราะ เบสนุ่ม
- กันน้ำและกันเหงื่อได้
- เชื่อมต่อโดยใช้ Bluetooth ที่มีเสถียรภาพสูง
- มีปุ่มสำหรับสลับใช้เมื่อสายโทรเข้า
- ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 6 ชั่วโมง
ใครที่เป็นสายเฮลท์ตี้ชอบการออกกำลังกายต้องไม่พลาดกับหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกายจาก JBL รุ่นนี้เลยค่ะ เพราะไม่เพียงแต่มีดีไซน์ทันสมัย ขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักเบาพกพาง่ายเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันเหงื่ออีกด้วย ทั้งยังสามารถรับสายโทรศัพท์ในขณะที่คุณกำลังออกกำลังกายได้เพียงปุ่มเดียว โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลย
รุ่นนี้ก็ยังคงให้เสียงที่ไพเราะ กับเบสนุ่ม ๆ ตามมาตรฐานของ JBL ส่วนการเชื่อมต่อนั้นจะใช้ระบบ Bluetooth ที่ค่อยมีเสถียรภาพสูง ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเพลงหรือเนื้อหาความบันเทิงที่คุณกำลังฟังอยู่จะสะดุดหรือไม่ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการออกแบบที่เน้นการใช้งานจริง โดยจะมีรูปร่างคล้ายกับสายคล้องคอ เพื่อไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะตกหรือสูญหายขณะออกกำลังกายด้วยค่ะ
7. Marshall – Major IV Bluetooth
หูฟังไร้สายยาวนานดีที่สุด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 80 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
- ชาร์จเร็ว 15 นาที ใช้งานต่อได้นาน 15 ชั่วโมง
- มี Dynamic Driver ที่สามารถปรับเสียงเบส กลาง และแหลมได้
- สวยใส่นุ่มสบายหู
- ดีไซน์คลาสสิก มีสไตล์
- แชร์เพลงผ่าน AUX 3.5 mm.
- ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
หลายคนอาจเคยรู้จักลำโพงแบรนด์คลาสสิกอย่าง Marshall กันมาบ้างแล้ว แต่ทราบไหมคะ ว่าแบรนด์นี้ก็มีหูฟังให้เราได้เลือกใช้งานกันด้วย โดยตัวที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นหูฟังไร้สายรุ่น Major IV Bluetooth ที่มีความน่าสนใจอย่างมากในเรื่องของชั่วโมงการใช้งานที่มากกว่า 80 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 รอบเลยล่ะค่ะ และไม่เพียงเท่านั้น ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายและชาร์จเร็วได้ด้วย หากคุณพกพาไปนอกสถานที่ ก็สามารถนำไปชาร์จไฟเพียง 15 นาที
ก็จะสามารถฟังต่อได้นานกว่า 15 ชั่วโมงทีเดียวค่ะ ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงนั้นคงไม่ต้องสงสัยกันเลย เพราะแบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องผู้นำของเสียงเพลงอันไพเราะอยู่แล้ว แต่ที่รุ่นนี้ให้มาด้วยก็คือตัว Dynamic Driver ที่สามารถปรับเสียงเบส เสียงกลาง และเสียงแหลมได้ในตัว เพิ่มความสนุกสนานด้วยการแชร์เพลงที่คุณฟังอยู่ผ่านสาย AUX 3.5 mm. ถือว่าสะดวก ง่ายดายมาก ๆ ค่ะ
8. HUAWEI – FreeBuds 5i
หูฟังไร้สาย น้ำหนักเบาดีที่สุด
- ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพา
- แบตเตอรี่ใช้งานนานสูงสุด 28 ชั่วโมง
- มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC 2.0
- ควบคุมง่ายเพียงสัมผัส
- สวมใส่สบาย เพราะออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์
- เสียงใส เบสแน่น
- เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน
- ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชัน Huawei AI Life
- มีฟีเจอร์บันทึกเสียง
- ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
เรียกได้ว่า HUAWEI รุ่น FreeBuds 5i เป็นหูฟังไร้สายที่จิ๋วแต่แจ๋ว น่าใช้งานไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลยค่ะ เพราะแม้จะมีดีไซน์ที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบาเพียง 4 กรัม แต่อัดแน่นมาด้วยคุณสมบัติน่าใช้งานมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงที่ไพเราะน่าฟัง มีเสียงเบสแน่น ๆ และเสียงใสฟังเพลิน มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนที่ไม่ทำให้คุณเสียอรรถรสในการเสพความบันเทิง
มาพร้อมกับการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน Huawei AI Life ที่สามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์เลยค่ะ รุ่นนี้ยังได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ทำให้คุณสวมใส่หูฟังได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกปวดหู ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นหากใช้ฟังเพลงอย่างเดียวก็ใช้ได้นานกว่า 22 ชั่วโมง แถมยังใช้งานง่ายผ่านการสัมผัสเบา ๆ และที่หาไม่ได้จากหูฟังรุ่นอื่น ๆ ก็คือฟีเจอร์การบันทึกเสียงที่ใส่มาให้ในรุ่นนี้ด้วย
9. Xiaomi Redmi Buds 4
หูฟังไร้สาย สำหรับเล่นเกมดีที่สุด
- เป็นหูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกมความละเอียดสูง ราคาย่อมเยา
- เชื่อมต่อเร็วผ่าน Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง
- รองรับหัวชาร์จ Type C
- ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย
- หยุดเสียงอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟังออก
- มีฟีเจอร์ช่วยลดเสียงรบกวน
- วัสดุคุณภาพดี สวมใส่สบายหู
- ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
เอาใจสายเกมเมอร์กันบ้างค่ะ กับหูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกมจาก Xiaomi Redmi Buds 4 ที่ได้รับความนิยมสูงและยังได้รับความชื่นชอบจากผู้ใช้งานจำนวนมาก เพราะมีราคาที่ย่อมเยาแต่ให้ฟีเจอร์น่าสนใจอย่างจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อที่ทำได้อย่างรวดเร็วผ่าน Bluetooth 5.0 และยังรองรับหัวชาร์จ Type C ได้ด้วย รุ่นนี้มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ดูทันสมัย ขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาไปด้วยในทุก ๆ ที่
ในด้านของคุณภาพเสียงนั้นก็ทำออกมาได้อย่างน่าพึงพอใจทีเดียวค่ะ เพราะหากคุณใช้สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะก็จะเป็นต้องได้ยินเสียงที่มีความละเอียดสูง อย่างเสียงเดิน เสียงปืน เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังให้ฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนมาด้วย แถมยังใช้งานได้นานสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง ให้คุณเล่นเกมส์หรือฟังเพลงได้นานขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ปวดหู เพราะวัสดุหูฟังค่อนข้างมีสัมผัสที่นุ่ม สบายหูค่ะ
คำแนะนำในการซื้อหูฟังบลูทูธ
วิธีเลือกหูฟังไร้สายที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ปัจจุบันหูฟังไร้สายได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยเพราะมีตัวเลือกให้ได้เลือกซื้อมากขึ้น ดังนั้นราคาจึงถูกกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ และนอกจากปัจจัยเรื่องราคาแล้วคุณภาพเสียงและคุณสมบัติต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้ดี ไม่แพ้กัน ดังนั้นหากใครที่อยากได้หูฟังไร้สายสำหรับใช้งาน ลองดูวิธีการเลือกด้านล่างนี้เป็นแนวทางได้เลยค่ะ
หูฟังไร้สาย (In-Ear) กับ หูฟังไร้สาย (แบบครอบหู)
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับประเภทของหูฟังไร้สายกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยหูฟังไร้สายจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ค่ะหูฟังไร้สาย แบบ In Ear หรือหูฟังที่มีลักษณะคล้ายหูฟังมีสายทั่ว ๆ ไป แต่ต่างกันที่จะไม่มีสายระโยงระยางนั่นเองค่ะ หูฟังประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากลองใช้งานหูฟังไร้สาย เพราะมีราคาย่อมเยากว่าแบบครอบหู ทั้งยังตอบโจทย์คนที่ชอบเดินทางบ่อย ๆ เพราะมีขนาดเล็ก พกพาง่ายอีกด้วยค่ะ
หูฟังไร้สายแบบครอบหู เป็นหูฟังไร้สายที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการเสพความบันเทิงจากเสียงเพลงหรือสื่อต่าง ๆ อย่างแท้จริง เพราะด้วยดีไซน์ที่ครอบไปทั้งใบหู จึงช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี และส่วนใหญ่มักจะมีฟีเจอร์ในการตัดเสียงรบกวนมาให้ด้วย นอกจากนี้ยังนิยมใช้ในเหล่าเกมเมอรือีกด้วยค่ะ ข้อเสียคือมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่แม้จะพับเก็บแล้ว แต่ก็ยังพกพาลำบาก ดังนั้นจึงเหมาะกับการใช้งานที่บ้านหรืออยู่กับที่มากกว่าค่ะ
การตัดเสียงรบกวนคืออะไร
ระบบตัดเสียงรบกวนในหูฟังไร้สาย นับเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ทำให้คุณเสพสื่อความบันเทิงในรูปแบบเสียงได้อย่างเต็มที่ และได้อรรถรสมากขึ้นค่ะ เพราะฟังก์ชันนี้จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนก็ยังดื่มด่ำการฟังเพลงและสื่อต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และนอกจากจะช่วยตัดเสียรบกวนในหูฟังโดยตรงแล้ว หลาย ๆ รุ่นยังมีการตัดเสียงรบกวนในไมโครโฟนในขณะที่คุณคุยโทรศัพท์ได้ด้วย จึงทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ชัดเจนนั่นเองค่ะ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้งานไม่ควรมองข้ามในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย ก็คือแบตเตอรี่ของหูฟังรุ่นนั้นสามารถรองรับการใช้งานได้สูงสุดกี่ชั่วโมงนั่นเองค่ะ เนื่องจากหูฟังไร้สายจะต้องมีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในการทำงาน ไม่เหมือนหูฟังมีสายที่ใช้พลังงานจากอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ โดยทั่วไปแล้วหูฟังไร้สายมักจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20 ชั่วโมงเลยค่ะ เรียกได้ว่าฟังทั้งวันแบตเตอรี่ก็ไม่หมด แต่หากใช้หลาย ๆ ฟังก์ชันพร้อมกัน อย่างการฟังเพลงไปด้วยและคุยโทรศัพท์ไปด้วย ก็จะกินแบตเตอรี่เยอะกว่าค่ะ
ความพอดีและความสบาย
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยเจอปัญหาว่าเมื่อฟังเพลงจากหูฟังนาน ๆ หลายชั่วโมง ก็จะรู้สึกปวดหู สาเหตุก็มาจากวัสดุของหูฟังและลักษณะรูปร่างของหูฟังรุ่นนั้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นหากคุณต้องใช้งานหูฟังนาน ๆ การเลือกหูฟังแบบครอบหูก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแบบ In Ear ค่ะ แต่หากใครที่ไม่ถนัดใช้หูฟังแบบครอบหู ก็สามารถเลือกหูฟัง In Ear ที่มีวัสดุที่ดี สัมผัสนุ่ม และมีการออกแบบรูปทรงตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ยาวนานขึ้น โดยลดอาการปวดหูค่ะ
การออกแบบและจัดแต่ง
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของหูฟังไร้สาย เป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกค่ะ ซึ่งหากแบ่งตามดีไซน์แล้วก็จะมี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือแบบครอบหูและแบบ In Ear นอกเหนือจากนั้น ก็จะเป็นเรื่องของการดีไซน์รูปทรงหรือสีของหูฟัง ซึ่งก็มีให้เลือกด้วยกันอย่างหลากหลายตามแต่ละสไตล์ของผู้ใช้งาน แนะนำว่าไม่ควรมองแค่เรื่องความสวยงามอย่างเดียว แต่ควรตรวจสอบคุณสมบัติและคุณภาพของเสียงให้สอดคล้องกับการใช้งานของเราด้วยนะคะ
คุณภาพเสียง
ขึ้นชื่อว่าหูฟังไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน สิ่งที่ผู้ใช้งานคาดหวังมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องคุณภาพเสียงนั่นเองค่ะ ซึ่งปัจจุบันหูฟังไร้สายเองก็มีคุณภาพเสียงที่ดีไม่แพ้หูฟังมีสายหรือลำโพงเลยค่ะ แนะนำว่าหากคุณอยากได้หูฟังที่คุณภาพเสียงดี อาจจะต้องยอมจ่ายมากขึ้นหน่อย และถ้าเป็นไปได้ ก็อาจจะเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องเสียงหรือลำโพงอยู่แล้ว เช่น Marshall, Sony, JBL เป็นต้น ค่ะ
หูฟังไร้สาย ราคา : เท่าไหร่ที่คุณควรใช้จ่าย?
คำถามและคำตอบ
หูฟังไร้สายกันเหงื่อได้หรือไม่?
คุณสมบัติในการกันเหงื่อ ไม่ได้พบได้ในหูฟังทุกชนิดนะคะ โดยเฉพาะหูฟังไร้สายด้วยแล้ว ที่มักจะมีในส่วนของแบตเตอรี่ในตัว และอาจจะมีข้อควรระวังในการโดนน้ำโดนเหงื่อด้วย คุณสมบัติการกันน้ำกันเหงื่อของหูฟังไร้สายจึงสามารถพบได้ในหูฟังรุ่นเฉพาะสำหรับออกกำลังกายเป็นหลักค่ะ โดยหากใครที่ต้องการซื้อหูฟังประเภทนี้มาใช้งานแนะนำว่าควรตรวจสอบทั้งประเภทการเชื่อมต่อ มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นหรือที่เรียกกันว่ามาตรฐาน IPX ซึ่งหากมีค่า IPXสูง ก็แปลว่าจะสามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ดีกว่ารุ่นที่ IPX ต่ำค่ะ
หูฟังไร้สายหรือแบบมีสายดีกว่ากัน?
การตัดสินใจว่าควรซื้อหูฟังไร้สายหรือมีสายดีกว่านั้น แนะนำให้ผู้ใช้งานประเมินจากลักษณะการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของตนเองเป็นหลักค่ะ โดยหากเน้นใช้งานอยู่กับที่ ไม่ค่อยได้นำออกไปข้างนอก การเลือกหูฟังแบบมีสายนอกจากจะไม่ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ แล้ว ยังมีข้อดีในเรื่องการเชื่อมต่อที่เสถียรกว่าด้วย แต่หากคุณต้องเดินทางบ่อย ๆ หรือต้องใช้งานนนอกสถานที่ หูฟังแบบไร้สายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ต้องกังวลกับสายพะรุงพะรังแล้ว หูฟังไร้สายส่วนใหญ่ยังออกแบบให้มีขนาดเล็ก ทำให้พกพาได้ง่ายและใช้งานสะดวกกว่า แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มทุกครั้ง หากคุณต้องเดินทางหรือใช้งานนอกบ้านนานหลายชั่วโมงนะคะ