14 อันดับ โทรศัพท์รุ่นไหนดี ปี 2024

ในปัจจุบันมีมือถือผลิตออกมาอย่างหลากหลายยิ่งเป็นยุคที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับท่านใดที่กำลังคิดอยากที่จะเปลี่ยนมือถือสักเครื่องสิ่งที่ควรให้ความสนใจก็คือการมองหาว่า มือถือ รุ่นไหนดีที่สุด ตอนนี้ เพื่อให้ได้รุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกท่านมากที่สุดทั้งในเรื่องของสเปก ความละเอียดของกล้อง ความจุแบตเตอรี่ และคุณสมบัติเกี่ยวกับการเล่นเกม โดยเราก็ได้รวบรวมมาฝากทุกท่านว่าจะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้างซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า 

โปรดอ่านบทวิจารณ์โทรศัพท์มือถือแบบเต็มสำหรับ Samsung | Samsung ที่ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท | Vivo | Oppo | Oppo ที่ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท | Huawei | Realme | ยังดูรีวิวที่ดีที่สุด | มือถือราคาไม่เกิน 5,000 บาท | ต่ำกว่า 10,000 บาท | โทรศัพท์เกมมิ่ง

14 โทรศัพท์มือถือ

  • 1. ดีที่สุดโดยรวม: Galaxy S23 Ultra Lazada/Shopee
  • 2. iPhone 14 Pro Max Lazada/Shopee
  • 3. โทรศัพท์ AndroidSamsung Galaxy S21 Plus Lazada/Shopee
  • 4. ที่คุ้มค่าที่สุดiPhone 13 Lazada/Shopee
  • 5. Android ที่คุ้มค่าที่สุดOppo Rino5 5G Lazada/Shopee
  • 6. โทรศัพท์พับได้Samsung Galaxy Z Flip 3 Lazada/Shopee
  • 7. โทรศัพท์ที่มีสไตลัสSamsung Galaxy Note 20 Ultra Lazada/Shopee
  • 8. โทรศัพท์ขนาดเล็กiPhone 13 miniLazada/Shopee
  • 9. สำหรับธุรกิจและประสิทธิภาพSamsung Galaxy Z Fold 3 Lazada/Shopee
  • 10. ราคาไม่เกิน 10,000 บาทSamsung Galaxy A33 5G Lazada/Shopee
  • 11. ราคาไม่เกิน 20,000 บาทXiaomi 11T Pro 5GLazada/Shopee
  • 12. Samsung ที่ดีที่สุดSamsung Galaxy S21 Ultra Lazada/Shopee
  • 13. OPPO ที่ดีที่สุดOPPO Find X3 Pro Lazada/Shopee
  • 14. Vivo ที่ดีที่สุดVivo X 70 Pro Lazada/Shopee

มือ ถือ รุ่นไหนดีที่สุด ตอนนี้ : รีวิวมือถือ 14 อันดับดีที่สุด

1. Galaxy S23 Ultra 8/256GB

โทรศัพท์ที่ดีที่สุดโดยรวม

ข้อดี
  • จอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X 24
  • bit (16 ล้านสี)
  • จอแสดงผล HDR 10+
  • กล้องหน้าฝังบนจอ (Infinity O)
  • จอแสดงผลมีรูสำหรับกล้องหน้า (Punch Hole Display)
  • กว้าง 6.8 นิ้ว (แนวทะแยง)
  • ความละเอียด 1440 x 3088 พิกเซล (501 ppi)
  • อัตราการสัมผัสหน้าจอ 120 เฮิรตซ์ (Refresh Rate 120Hz)
  • ปากกา Stylus สำหรับวาด, เขียน, ระบาย และรีทัชรูปภาพ
ข้อเสีย

มาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องที่ดีสุดใน Galaxy และปากกา S Pen ที่เป็นมากกว่าปากกา มาพร้อม Space Zoom ซูมไกล 100 เท่า ไกลแค่ไหนก็ใกล้ได้  ให้ความคมชัด High-resolution กล้องคุณภาพสูง 200MP เก็บครบทุกรายละเอียด มากกว่าที่ตาคุณเห็น ถ่ายภาพคมชัดที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน S Pen ที่เป็นทั้งปากกา และผู้ช่วยส่วนตัว ปากกาเขียนลื่นเหมือนใช้ปากกาจริง ใช้สั่งถ่ายรูป เปลี่ยนสไลด์ แปลภาษา แต่งรูป เล่นเกม และอีกมากมาย

สำหรับรุ่น Samsung Galaxy S23 Ultra จัดเต็มขั้นสุดด้วยการอัปเกรดมาใช้กล้องตัวหลัก 200MP เทคโนโลยี Adaptive Pixel เป็นรุ่นแรกของค่าย ที่จับภาพได้แม่นยำมากขึ้น โดยการรวมพิกเซลเพื่อรองรับการประมวลผลในขั้นสูง จึงสามารถถ่ายภาพ และวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบกันสั่นไหวแบบ OIS ช่วยให้ภาพคมชัดกว่าเดิม รวมถึงระบบซูมภาพแบบ 100X Space Zoom ที่ดีกว่าเดิม ด้วยกล้อง Telephoto ทั้งหมด 2 ตัว ความละเอียดเท่ากันที่ 10MP โดยรองรับการซูมแบบ Optical ที่ 3 เท่า และ 10 เท่าตามลำดับ ไปจนถึงกล้อง Ultra-Wide 12MP สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา

2. Apple iPhone 14 Pro

ไอโฟนที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • จอภาพ Super Retina XDR ที่น่าประทับใจพร้อม ProMotion
  • กล้อง 48MP อันทรงพลังพร้อมการบันทึก Dolby Vision
  • การโต้ตอบของ Dynamic Island ที่เป็นนวัตกรรมใหม่
  • คุณสมบัติความปลอดภัยที่สำคัญต่อชีวิตสำหรับเหตุฉุกเฉิน
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ตลอดทั้งวันและประสิทธิภาพที่รวดเร็ว
ข้อเสีย
  • ราคาค่อนข้างสูง

Apple iPhone 14 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ผสมผสานคุณสมบัติอันล้ำสมัย ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม และการออกแบบที่หรูหราได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยจอแสดงผลที่น่าประทับใจ ระบบกล้องอันทรงพลัง และฟังก์ชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จึงโดดเด่นในฐานะคู่แข่งอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟน

จอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วพร้อมจอแสดงผลตลอดเวลาและเทคโนโลยี ProMotion มอบภาพที่น่าทึ่งด้วยสีสันที่สดใสและสีดำเข้ม คุณสมบัติ Dynamic Island นำเสนอวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ iPhone ของคุณ เพิ่มสัมผัสแห่งเวทมนตร์ให้กับประสบการณ์ผู้ใช้ของคุณ

กล้องหลัก 48MP พร้อมความละเอียดที่เพิ่มขึ้นจะจับภาพที่สวยงามพร้อมรายละเอียดที่ยอดเยี่ยม การเพิ่ม Dolby Vision ที่ 4K สูงสุด 30 fps ในโหมดภาพยนตร์ช่วยให้บันทึกวิดีโอระดับมืออาชีพได้ โหมดการดำเนินการช่วยให้วิดีโอแบบพกพามีความเสถียรและราบรื่น ช่วยเพิ่มความสามารถในการบันทึกวิดีโอโดยรวมของอุปกรณ์

iPhone 14 Pro รวมคุณสมบัติความปลอดภัยที่สำคัญต่อชีวิต เช่น การตรวจจับการชน ซึ่งสามารถโทรขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเมื่อคุณไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง การเน้นความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าสำหรับอุปกรณ์

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานตลอดวันและการเล่นวิดีโอสูงสุด 29 ชั่วโมงทำให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถใช้ iPhone ของคุณได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลว่าพลังงานจะหมด ชิป A16 Bionic ที่จับคู่กับระบบเซลลูลาร์ 5G ที่เร็วเป็นพิเศษ มอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ช่วยให้ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เล่นเกม และใช้งานแอพได้อย่างราบรื่น

iPhone 14 Pro มาพร้อมคุณสมบัติด้านความทนทานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง Ceramic Shield เพื่อเพิ่มการปกป้องหน้าจอและการกันน้ำ คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้อุปกรณ์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและเชื่อถือได้

3. Samsung Galaxy S21 Plus (RAM 8GB/ ROM 128 GB)

สุดยอดโทรศัพท์ Android

ข้อดี
  • แบตเตอรี่ความจุขนาด 4,800 mAh
  • รองรับ NFC
  • ชิปเซ็ต Exynos 2100 Octa Core
  • มีคุณสมบัติกันน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร 
ข้อเสีย
  • น้ำหนักตัวเครื่องค่อนข้างเยอะ

สำหรับ Android มักจะมีคำถามว่า มือ ถือ รุ่น ไหน ดี ที่สุด ตอนนี้ ซึ่งจะต้องยกให้กับมือถือจากแบรนด์ Samsung รุ่น S21 Plus กันเลยทีเดียว โดยเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับจอขนาด 6.7 นิ้ว โดยใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100 Octa Core ที่ใช้งานได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับความเร็ว 2.9 MHz อีกด้วย ที่สำคัญยังใส่แบตเตอรี่ที่ความจุขนาด 4,800 mAh ที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันมาให้อีกด้วย

โดยสำหรับ S21 Plus เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับน้ำหนักของตัวเครื่อง 200 กรัม โดยจะมีสีตัวเครื่องให้เลือกทั้งหมด 3 สีได้แก่ สีดำ สีม่วง และสีเงิน ซึ่งเป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 1.5 เมตรได้ชั่วคราว อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้อีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นตัวที่มาพร้อมกับการรองรับ NFC และมีหน่วยความจำ RAM 8GB และ ROM 128 GB เหมาะสำหรับทั้งสายเล่นเกม สายถ่ายรูป และผู้ที่ใช้สำหรับการทำงานอีกด้วย

4. iPhone 13 (RAM 6GB / ROM 128GB)

iPhone ที่คุ้มค่าที่สุด

ข้อดี
  • ชิปเซ็ต Apple A15
  • รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต 5G 
  • ซูมได้สูงสุด 5 เท่า 
  • บันทึกวิดีโอ 4K 
  • หน้าจอ Super Retina XDR
ข้อเสีย
  • หน้าจอยังเป็นจอแบบ 60Hz 

สำหรับมือถือแบรนด์ iPhone ที่ได้รับความคุ้มค่าที่สุดจะต้องยกให้กับรุ่น iPhone 13 เนื่องจากเป็นรุ่นใหม่ที่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้ โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ที่สำคัญยังใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ของ Apple อย่างตัว A15 Bionic Hexa Core ที่จะทำให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุของแบตเตอรี่ขนาด 3,095 mAh โดยสำหรับรุ่นนี้จะใช้จอแสดงผลแบบ Super Retina XDR 

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำได้ชั่วคราวที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร โดยรุ่นนี้จะรองรับการใช้งานระบบ NFC อีกทั้งยังมาพร้อมกับกล้องที่มีความละเอียดถึง 12 ล้านพิกเซลและสามารถซูมได้สูงสุด 5 เท่าเลยทีเดียว ที่สำคัญยังมาพร้อมกับลำโพงแบบสเตอริโอและการบันทึกวิดีโอได้ระดับ 4K โดยถ้ามีคำถามว่าจะ ซื้อโทรศัพท์รุ่นไหนดี iPhone 13 ก็เป็นรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

5. Oppo Rino5 (RAM 8GB / ROM 128GB)

โทรศัพท์ Android ที่คุ้มค่าที่สุด

ข้อดี
  • แบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh 
  • รองรับการชาร์จไว 65W
  • รองรับระบบ NFC
  • จอแสดงผล AMOLED
  • กล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
ข้อเสีย
  • เครื่องร้อนค่อนข้างง่าย

สำหรับโทรศัพท์ Android ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่ามากที่สุดคือรุ่น Rino5 ของแบรนด์ OPPO ซึ่งเป็นมือถือที่มาพร้อมกับจอขนาด 6.43 นิ้ว โดยเลือกใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G 5G Octa Core ที่ทำให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่น ที่สำคัญยังมาพร้อมกับความเร็ว 2.4 GHz อีกด้วย ซึ่งมาพร้อมกับกล้องหลักที่มีความละเอียด 64 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวโดยสามารถถ่ายรูปออกมาได้ระดับกล้องโปร ที่สำคัญยังมาพร้อมกับกล้องหน้าที่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซลที่จะถูกใจสาวๆที่ชอบการถ่ายรูปอย่างแน่นอน

ที่สำคัญยังมาพร้อมกับจอแสดงผล AMOLED 24 bits ที่ให้ความคมชัดของสีที่ดูสมจริง อีกทั้งยังใช้จอแบบ 180 Hz โดยเป็นรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้อีกด้วย ซึ่งมาพร้อมกับระบบที่รองรับ NFC และมีโหมดสำหรับการถ่ายรูปให้เลือกได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh ที่สามารถรองรับการชาร์จไว 65W

6. Samsung Galaxy Z Flip 3 (RAM 8GB / ROM 128GB)

สุดยอดโทรศัพท์พับได้

ข้อดี
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core
  • จอแสดงผล Dynamic AMOLED
  • รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5G
  • จอสามารถพับได้
ข้อเสีย
  • แบตเตอรี่ความจุแค่เพียง 3,300 mAh

โทรศัพท์พับได้ที่ต้องยกให้เป็นรุ่นที่ดีที่สุดก็คือโทรศัพท์จากแบรนด์ Samsung รุ่น Z Flip 3 ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วที่รับชมความบันเทิงกันได้อย่างเต็มที่ โดยมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core ที่มีความเร็ว 2.0 GHz ทำให้สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นที่มีกราฟฟิกสูงได้อย่างไหลลื่นเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh โดยเป็นรุ่นที่ใช้จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X 24 bit 

โดยสำหรับเรื่องระบบความปลอดภัยของรุ่นนี้จะใช้การตรวจสอบลายนิ้วมือและการจดจำใบหน้าซึ่งสามารถเลือกได้ตามต้องการ อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถในการกันน้ำได้ชั่วคราวในความลึกที่ไม่เกิน 1.5 เมตร ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้อีกด้วย เรื่องของตัวกล้องก็ใส่มาให้อย่างเต็มที่กับกล้องที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่มีทั้งโหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดหน้าสวย และโหมดอื่นๆอีกมากมาย

7. Samsung Galaxy Note 20 Ultra (RAM 8GB / ROM 12GB)

สุดยอดโทรศัพท์ที่มีสไตลัส

ข้อดี
  • หน้าจอ 120 Hz
  • รองรับการใช้งานปากกา 
  • หน้าจอขนาด 6.9 นิ้ว
  • ชิปเซ็ต Exynos 990 Octa Core
ข้อเสีย
  • ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก

สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์ที่ใช้ปากกาสไตลัสได้ดีที่สุดจะต้องยกให้แบรนด์ Samsung รุ่น Galaxy Note 20 Ultra กันเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานปากกา ที่มาพร้อมกับจอขนาด 6.9 นิ้วทำให้ใช้งานการเขียนและการตกแต่งรูปอีกทั้งยังจดสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย โดยสำหรับรุ่นนี้ได้ใช้ชิปเซ็ตประมวลผลของ Samsung Exynos 990 Octa Core ที่มีความเร็ว 2.73 GHz ซึ่งเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งาน NFC อีกด้วย 

ที่สำคัญยังมาพร้อมกับกล้องหลักที่มีความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล และสามารถซูมได้สูงสุด 50 เท่าเลยทีเดียว ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 4,500 mAh และใช้จอแสดงผล Dynamic AMOLED โดยมีหน้าจอแบบ 120 Hz ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการกันน้ำชั่วคราวได้ที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร ใช้ลำโพงสเตอริโอที่มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้ได้สัมผัสความรู้สึกเหมือนรับชมความบันเทิงที่โรงภาพยนตร์เลยทีเดียว 

8. iPhone 13 mini (RAM 6GB / ROM 128GB)

สุดยอดโทรศัพท์ขนาดเล็ก

ข้อดี
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A15 Bionic Hexa Core
  • รองรับการชาร์จไว 25W
  • รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5G
  • ซูมได้สูงสุด 5 เท่า
  • หน้าจอ Super Retina XDR
ข้อเสีย
  • แบตเตอรี่ความจุ 2,406 mAh

ถ้าหากถามหารุ่นที่มีขนาดเล็กแต่สเปกแรงจะต้องนึกถึงแบรนด์ iPhone รุ่น 13 mini ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.4 นิ้วซึ่งเป็นขนาดที่เล็กพริกขี้หนูเลยทีเดียว โดยใช้ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic Hexa Core มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 2,406 mAh รองรับการชาร์จไว 25W และรองรับการชาร์จไร้สาย ซึ่งเลือกใช้งานจอแสดงผล OLED Super Retina XDR ที่สำคัญยังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่ใช้ GPU ของ Apple ที่เป็น 4 core graphics ทำให้ประมวลผลภาพกราฟฟิกคุณภาพสูงต่างๆได้อย่างไหลลื่น โดยมาพร้อมกับกล้องหลักที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลและมีเลนส์ ultrawide และเลนส์ Dual Camera ให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งสำหรับรุ่นนี้จะซูมได้สูงสุดทั้งหมด 5 เท่า ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่เหมาะสำหรับท่านใดที่ชื่นชอบการถ่ายรูปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

9. Samsung Galaxy Z Fold 3 (RAM 12GB /ROM 256GB)

โทรศัพท์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจและประสิทธิภาพการทำงาน

ข้อดี
  • หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว
  • ชิปเซ็ตประมวผล Qualcomm Snapdragon 888 
  • หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED
  • ระบบเสียง Dolby Atmos 
  • รองรับการใช้งาน 5G
ข้อเสีย
  • น้ำหนักตัวเครื่อง 271 กรัม 

สำหรับโทรศัพท์ที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจและมีประสิทธิภาพสูงในการทำงานจะต้องยกให้กับมือถือของแบรนด์ Samsung รุ่น Galaxy z fold 3 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว โดยมีน้ำหนักตัวเครื่อง 271 กรัม ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ สีเขียว และสีเงิน เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ขนาด 4,400 mAh และใช้ชิปเซ็ตประมวลผลของ Qualcomm Snapdragon 888 5G Octa Core ที่ทำให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างไหลลื่น โดยมาพร้อมกับความเร็ว 2.84 GHz 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED ที่ให้สีที่ดูสมจริง อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Foldable Display ที่สำคัญเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งานปากกาสำหรับการวาด เขียน และจดข้อมูลต่างๆได้อีกด้วย โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่นความปลอดภัยที่มีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบคือการสแกนลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้า ในส่วนของระบบเสียงเป็นแบบ Dolby Atmos ที่พัฒนาโดย AKG

10. Samsung Galaxy A33 5G (Ram 8GB / ROM 128GB)

มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท

ข้อดี
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh 
  • จอแสดงผล IPS LCD 
  • กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล 
  • มีสีตัวเครื่องให้เลือกหลากหลาย 
  • ซูมได้สูงสุด 10 เท่า
ข้อเสีย
  • น้ำหนักตัวเครื่อง 205 กรัม 

ถ้าหากพูดถึงมือถือที่ราคาไม่เกิน 10,000 บาท มือถือแบรนด์ Samsung รุ่น Galaxy A33 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากโดยมาพร้อมกับการรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ 5G  และมีขนาดจอ 6.4 นิ้ว ซึ่งเลือกใช้ชิปเซ็ตประมวลผลของ Exynos 1280 Octa-core 2.4GHz,2GHz ที่ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างไหลลื่นเลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 5,000 mAh ที่มีน้ำหนักตัวเครื่อง 205 กรัม

ที่สำคัญยังมาพร้อมกับจอแสดงผล IPS LCD ที่มีการแสดงผลสีมากถึง 16 ล้านสี ในเรื่องของความปลอดภัยก็มีให้เลือกทั้งแบบสแกนลายนิ้วมือและระบบจดจำใบหน้า โดยมีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ สีขาว สีม่วง และสีน้ำเงิน เรื่องของการถ่ายรูปก็มีการใส่กล้องหลักที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซลที่มีเลนส์ให้เลือกอย่างหลากหลายอีกทั้งยังซูมได้สูงสุดถึง 10 เท่าอีกด้วย

11. Xiaomi 11T Pro 5G

มือถือราคาไม่เกิน 20,000 บาท

ข้อดี
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core
  • หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว
  • กล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล 
  • ความจุแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAH 
  • ระบบเสียง Harmon Kardon
ข้อเสีย
  • ตัวเครื่องร้อนง่าย 

สำหรับมือถือที่ราคาไม่เกิน 20,000 บาทที่ดีที่สุดจะต้องยกให้กับแบรนด์ Xiaomi รุ่น 11T Pro เนื่องจากเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับสเปกแบบจัดเต็มเลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับจอขนาด 6.67 นิ้วที่รับชมความบันเทิงและเล่นเกมกันได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว และใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core ที่มาพร้อมกับความเร็ว 2.84 MHz ซึ่งใช้งานในการเล่นเกมและเข้าแอพพลิเคชั่นต่างๆที่มีคุณภาพสูงได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความละเอียดของตัวกล้องที่สูงถึง 108 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว อีกทั้งยังใส่ระบบกันสั่นมาให้อีกด้วยทำให้การถ่ายภาพมีคุณภาพสูงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 5,000 mAh และยังรองรับการชาร์จไวแบบ 120W ได้อีกด้วยทำให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันไม่ขาดช่วงอย่างแน่นอน ระบบเสียงของ Harman Kardon และเป็นลำโพงคู่ทำให้รับชมภาพยนตร์กันได้อย่างเต็มที่

12. Samsung Galaxy S21 Ultra (RAM 12GB / ROM 128GB)

สุดยอดโทรศัพท์ซัมซุง

ข้อดี
  • หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว
  • จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Exynos 2100 Octa Core
  • แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh
ข้อเสีย
  • ราคาค่อนข้างสูง

โทรศัพท์แบรนด์ Samsung รุ่น Galaxy S21 Ultra ถูกยกให้เป็นรุ่นที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์นี้เลยทีเดียว เนื่องจากมาพร้อมกับสเปกต่างๆที่ทำให้สามารถใช้งานได้ตอบโจทย์ทุกความต้องการเลยทีเดียว โดยเริ่มจากหน้าจอที่มีขนาด 6.8 นิ้วที่ท่องโลกออนไลน์กันได้อย่างเพลิดเพลิน และมาพร้อมกับกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 40 ล้านพิกเซลโดยเป็นตัวที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่เลือกใช้ชิปเซ็ต Exynos 2100 Octa Core ที่ทำให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆได้อย่างไหลลื่นและมาพร้อมกับความเร็วอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบ 2.9 GHz อีกด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุ 5,000 mAh และรองรับการชาร์จไว 25W ที่ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยตัวเครื่องมีน้ำหนัก 227 กรัม ซึ่งใช้จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED และเป็นรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้อีกด้วย

13. OPPO Find X3 Pro (RAM 8GB / ROM 256GB)

โทรศัพท์ OPPO ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core
  • ความละเอียดกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล
  • รองรับการใช้งาน 5G 
  • ซูมได้สูงสุด 25 เท่า 
  • หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว
ข้อเสีย
  • มีสีตัวเครื่องให้เลือกน้อย 

โทรศัพท์รุ่น OPPO Find X3 Pro เป็นรุ่นที่ดีที่สุดของแบรนด์ OPPO เลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับสเปกที่เร็วแรงและใส่ฟังก์ชั่นต่างๆมาให้อย่างจัดเต็มเป็นอย่างมากซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้ชิปเซ็ตประมวลผลของ Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core ที่มีอัตราการรีเฟรชหน้าจอที่มีความเร็ว 2.84 GHz ที่สำคัญยังมาพร้อมกับความละเอียดของกล้องหลักที่สูงถึง 50 ล้านพิกเซล และความละเอียดของกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล 

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุของแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh โดยเลือกใช้จอแสดงผล AMOLED ที่ให้สีสันที่ดูสมจริงเป็นอย่างมาก โดยจะมาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำชั่วคราวได้ไม่เกิน 1.5 เมตร ซึ่งสำหรับรุ่นนี้ยังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5G และรองรับการเชื่อมต่อ NFC ได้อีกด้วย ในเรื่องของการถ่ายรูปก็มีการใส่ระบบกันสั่นมาเพื่อให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับการซูมได้สูงสุดถึง 25 เท่าเลยทีเดียว

14. Vivo X 70 Pro

โทรศัพท์ Vivo ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 870 Octa Core
  • หน้าจอขนาด 6.56 นิ้ว 
  • รองรับการชาร์จไว 33 W
  • ซูมได้สูงสุด 60 เท่า
ข้อเสีย
  • ตัวเครื่องเป็นรอยง่าย

สำหรับโทรศัพท์ของแบรนด์ Vivo รุ่นที่ดีที่สุดจะต้องยกให้รุ่น Vivo X70 Pro เลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ใส่มาให้อย่างจัดเต็มคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.56 นิ้ว อีกทั้งยังใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 Octa Core และอัตราการรีเฟรชหน้าจอความเร็ว 2.8 GHz ทำให้ใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆที่มีคุณภาพสูงกันได้อย่างไหลลื่นเลยทีเดียว โดยเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ขนาด 4,200 mAh และรองรับการชาร์จไว 33W 

นอกจากนี้โทรศัพท์รุ่นนี้ยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปด้วยกล้องหลักที่มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล โดยมาพร้อมกับการรองรับการสูงได้สูงสุด 60 เท่าเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีโหมดสำหรับการถ่ายรูปอีกเป็นจำนวนมากที่จะทำให้สายถ่ายรูปชื่นชอบกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่ใช้จอแสดงผล AMOLED ซึ่งทำให้สีดูสมจริงเป็นอย่างมาก

คู่มือการซื้อโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด

คู่มือการซื้อโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด

วิธีการเลือกสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ฉันควรซื้อสมาร์ทโฟนแบบมีสัญญาหรือไม่มีสัญญาหรือไม่

สำหรับการเลือกที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนแบบมีสัญญาหรือไม่มีสัญญาจะต้องเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองแบบก่อนว่าแบบไหนที่จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานของท่านได้ดีที่สุด โดยอย่างแรกเราจะพูดถึงข้อดีของเสียของการซื้อเครื่องเปล่าก่อนสำหรับข้อเสียของการซื้อเครื่องเปล่าแบบไม่ติดสัญญาก็คือทุกท่านจะต้องจ่ายเงินซื้อในราคาปกติไม่มีส่วนลดเหมือนกับเครื่องแบบที่ติดสัญญา

แต่มีข้อดีก็คือความอิสระในการใช้งานสามารถเลือกเครือข่ายได้ว่าอยากที่จะใช้ซิมการ์ดของค่ายใด อีกทั้งยังไม่มีข้อสัญญาผูกมัดต่างๆและไม่เสี่ยงต่อการถูกล็อคซิมอีกด้วย โดยถ้าหากใครที่ไม่ได้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากและปกติไม่ได้ใช้แพคเกจที่ราคาสูงอยู่แล้วถ้ามีงบประมาณมากพอการซื้อเครื่องเปล่าก็จะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายรายเดือนได้เป็นอย่างดี ส่วนการซื้อเครื่องที่ติดสัญญาหรือที่เรียกกันติดปากว่าเป็นเครื่องติดโปรโมชั่น

จะมีการล็อคซิมการ์ดให้สามารถใช้งานได้แค่เพียงเครือข่ายเดียวและส่วนใหญ่จะมีสัญญาในการผูกมัดขั้นต่ำอยู่ที่ 6 เดือนเป็นต้นไปโดยจำเป็นที่จะต้องใช้แพคเกจที่ผูกมัดเอาไว้จนกว่าจะครบระยะเวลาสัญญาที่ระบุเอาไว้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสัญญาที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก่อนที่จะถึงกำหนดนั้นเอง แต่สำหรับข้อดีของการซื้อเครื่องแบบติดสัญญาก็คือในตอนที่จ่ายค่าเครื่องตอนแรกจะได้รับส่วนลดที่ค่อนข้างเยอะ

โดยเหมือนเฉลี่ยไปจ่ายกับค่าอินเทอร์เน็ตที่ติดสัญญารายเดือนแทนก็เหมือนว่าได้ทั้งเครื่องสมาร์ทโฟนและยังได้แพคเกจอินเทอร์เน็ตมาด้วย โดยสำหรับคำถามว่าแบบไหนดีกว่ากันนั้นก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละท่านว่าต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตในปริมาณที่มากหรือไม่และปกติใช้เครือข่ายนั้นอยู่แล้วหรือไม่เนื่องจากถ้าปกติใช้โปรโมชั่นแพคเกจอินเทอร์เน็ตรายเดือนที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับจำนวนที่กำหนดอยู่แล้วการซื้อเครื่องแบบติดสัญญาก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับท่านมากกว่า

แต่ถ้าปกติไม่ได้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตราคาสูงการที่จะเลือกซื้อเครื่องเปล่าก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับท่านได้มากกว่าในระยะยาวนั้นเอง โดยถ้าหากอยากที่จะเลือกหา มือ ถือ รุ่นไหนดีที่สุด ตอนนี้ สิ่งสำคัญเลยก็คือการดูว่ามือถือรุ่นที่ท่านเล็งเอาไว้มีโปรโมชั่นราคาเครื่องเปล่ากับเครื่องติดสัญญาต่างกันสูงหรือไม่และหลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาแล้วแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากันซึ่งต้องบอกเลยว่าแต่ละรุ่นก็จะมีความคุ้มค่าที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วยดังนั้นต้องเปรียบเทียบให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

ฉันต้องการระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนใด : Android หรือ iPhone

เป็นคำถามที่หลายๆท่านมีคำถามมากันอย่างยาวนานว่า มือ ถือ รุ่นไหนดีที่สุด ตอนนี้ จะเลือกใช้ระบบปฏิบัติการแบบไหนดี จะใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android หรือระบบปฏิบัติการ iOS ดี ซึ่ง 2 รูปแบบนี้ก็จะมีระบบประมวลผลที่แตกต่างกันออกไป โดยอย่างแรกเราจะอธิบายก่อนว่าระบบปฏิบัติการ Android เป็นระบบแบบ Open Source หรือหมายความว่าให้แบรนด์อื่นๆสามารถนำไปปรับแต่งสำหรับการใช้งานได้อย่างอิสระโดยจะต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้

ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีความหลากหลายของชิปประมวลผลซึ่งจะมีการพัฒนาออกมาได้แตกต่างกันออกไปทำให้มีช่วยสเปกของตัวเครื่องและราคาที่แตกต่างกันออกไปโดยมีช่วงราคาให้เลือกอย่างหลากหลายเลยทีเดียว โดยสำหรับเรื่องของตัวกล้องก็มีการพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่องให้มีฟีเจอร์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับเลนส์ที่มีความละเอียดสูงโดยถ้าหากเป็นรุ่นเรือธงตัวกล้องเรียกได้ว่าเทียบเท่าระดับกล้องโปรได้เลยทีเดียว

สำหรับการปล่อยให้อัพเดทระบบปฏิบัติการจะขึ้นอยู่กับแบรนด์ขอผู้ผลิตเป็นหลักว่าจะออกมาในช่วงไหนแต่สำหรับโดยส่วนมากถ้าหากซื้อรุ่นเรือธงหรือรุ่งรองของเรือธงก็จะมีระยะเวลาที่ได้อัพเดทค่อนข้างนานกว่ารุ่นระดับกลางและระดับเริ่มต้น นอกจากนี้ยังเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการพัฒนาเรื่องของ Ecosystem โดยให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมากยิ่งขึ้นแต่สำหรับระบบปฏิบัติการของมือถือ iPhone ที่เรียกกันว่าระบบปฏิบัติการ iOS จะเป็นชิปประมวลผลที่ทางบริษัท Apple มีการพัฒนาขึ้นมาเองซึ่งมีแค่เพียงเจ้าเดียวที่ได้ใช้งานก็คือแบรนด์ของ Apple

ไม่มีการให้แบรนด์อื่นเข้ามาใช้งานร่วมด้วยเนื่องจากสิ่งที่เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาชิปก็คือการพัฒนาออกมาให้เหมาะสมต่อการทำงานของมือถือได้มากที่สุดซึ่งจากความตั้งใจนี้ทุกท่านก็จะได้เห็นด้วยตาของตนเองว่ามือถือของแบรนด์ Apple มาพร้อมกับการใช้งานที่ไหลลื่นอีกทั้งแม้ว่าจะมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่าของมือถือของระบบปฏิบัติการ  Android แต่ก็ยังใช้พลังงานที่น้อยกว่าและมีระยะเวลาในการใช้งานได้นานมากกว่าอีกด้วยนั้นก็มาจากการที่พัฒนาชิปเซ็ตประมวลผลได้อย่างเหมาะสมจึงทำให้การทำงานจะใช้การประมวลผลที่ไม่หนักเท่ากับระบบปฏิบัติการของ Android

โดยสำหรับมือถือของแบรนด์ Apple แม้ว่าจะมีการแบ่งรุ่นย่อยในการเปิดตัวแต่สำหรับชิปในการประมวลผลทุกรุ่นจะใช้ตัวเดียวกันซึ่งส่งผลต่อเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานเป็นอย่างมากทำให้ระบบประมวลผลของไอโฟนในรุ่นเดียวกันไม่ได้แตกต่างกันแต่จะไปต่างในเรื่องของกล้อง ความจุแบตเตอรี่และขนาดหน้าจอ แต่บางท่านอาจรู้สึกแปลกใจที่สเปกของ iPhone จะไม่ได้แรงเท่ากับของ Android เนื่องจากจะเน้นการพัฒนาเรื่องของชิปมากกว่าเรื่องของสเปกแต่ก็ยังใส่สเปกมาให้แบบที่ไม่น้อยหน้าใครอย่างแน่นอนถือว่าการใช้งานโดยรวมคุณภาพออกมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

และในเรื่องของการถ่ายรูปแบรนด์ของ iPhone ก็ได้รับเสียงตอลรับเป็นอย่างดีเนื่องจากมีการพัฒนาสเปกพิเศษต่างๆออกมาอีกทั้งยังเพิ่มเลนส์ของตัวกล้องทำให้ได้รับความละเอียดของภาพที่สูงยิ่งขึ้นและที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือในเรื่องของการอัพเดทเพราะทางแบรนด์ iPhone จะมีการอัพเดทที่ยาวนานเป็นอย่างมากโดยรุ่นที่ย้อนหลังไปนานถึง 6 ปีก็ยังสามารถที่จะอัพเดทระบบปฏิบัติการ iOS ในเวอร์ชั่นล่าสุดได้อีกด้วยเรียกได้ว่าเป็นการอัพเดตเวอร์ชั่นที่ยาวกว่าของระบบปฏิบัติการ Android ถึง 2 เท่าเลยทีเดียวนั้นก็เพราะว่าใช้ชิปของทาง Apple เองจึงทำให้การอัพเดทยังสามารถทำได้แม้ว่าจะใช้ในรุ่นเก่าก็ตาม

ฉันควรมองหาอะไรในหน้าจอสมาร์ทโฟน

สำหรับเรื่องของหน้าจอสมาร์ทโฟนสำหรับการเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ทุกท่านจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าตัวหน้าจอก็จะมีความละเอียดที่แตกต่างกันออกไปโดยจะมีทั้งแบบ IPS แบบ HD แบบ HD+และแบบ Full HD+ ซึ่งก็จะมีสเปกที่แตกต่างกันอกไปในแต่ละรุ่นซึ่งจะขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของทุกท่าน โดยบางท่านอาจคิดว่าเป็นสิ่งที่คงไม่แตกต่างแต่ถ้าหากใครที่เคยสัมผัสกับสมาร์ทโฟนที่ใช้จอแบบ Full HD+ จะทราบเลยว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนตั้งแต่เรื่องความสดของสี

ความสว่างของจอ และการใช้งานพื้นที่ที่แสงน้อยซึ่งถ้าหากเลือกใช้จอที่มีความละเอียดสูงก็จะใช้งานได้อย่างสบายตา นอกจากนี้เรื่องของความละเอียดของหน้าจอแล้วการดูเรื่องของการรีเฟรชเรตของหน้าจอก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญเนื่องจากมีผลต่อการประมวลผลภาพ วิดีโอ และตัวแอพพลิเคชั่นต่างๆอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากใครที่อยากใช้งานได้อย่างไหลลื่นและเพลิดเพลินกับการท่องโลกออนไลน์กันได้เต็มที่ก็ควรใส่ใจเรื่องของจอสมาร์ทโฟนและเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของตนเองอีกด้วย

ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่อย่างไร

เรื่องของประสิทธิภาพและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะถ้าหากใครใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานหรือใช้สำหรับการเล่นเกมเรื่องประสิทธิภาพแทบจะเรียกได้ว่าเป็นประเด็นสำคัญเลยทีเดียว โดยชิปประมวลผลที่มีก็ควรที่จะเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการใช้งานโดยถ้าหากมีเป้าหมายสำหรับการเล่นเกมหรือการทำงานเกี่ยวกับกราฟฟิก็จำเป็นต้องเลือกชิปประมวลผลตัวท็อบ อาทิเช่น Snapdragon 865+ , Kirin 990 นอกจากนี้การเลือกชิปประมวลผลยังจะเป็นตัวที่ช่วยทำให้การเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ

สำหรับการทำงานสามารถทำได้อย่างไหลลื่นไม่มีปัญหาเครื่องค้างเกิดขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงทำเป็นสิ่งที่หลายๆท่านต้องเลือกให้ดี นอกจากนี้เรื่องของแบตเตอรี่ก็เป็นสิ่งสำคัญโดยควรที่จะเลือกแบตเตอรี่ขั้นต่ำ 3,000 mAh เพื่อให้รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นพื้นฐานได้ตลอดทั้งวัน แต่ถ้าหากมีการใช้งานฟีเจอร์อื่นๆเพิ่มเติม อาทิเช่น การเล่นเกม การถ่ายรูป ก็จำเป็นที่จะต้องหาความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันแต่อีกหนึ่งสิ่งที่ในปัจจุบันควรที่จะใช้ประกอบการเลือกมือถือคือการรองรับการชาร์จไวเพราะจะเป็นฟังก์ชั่นที่ทำให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ที่เก็บข้อมูลและหน่วยความจำ: ต้องใช้ข้อกำหนดอะไรบ้าง

ที่เก็บข้อมูลและหน่วยความจำหรือที่หลายๆท่านเรียกว่า RAM และ ROM ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยถ้าหากอยากให้การใช้งานแอพพลิเคชั่นโดยรวมเป็นไปอย่างไหลลื่นก็ควรที่จะเลือกโทรศัพท์ที่มี RAM ขั้นต่ำ 4GB ขึ้นไป ส่วนในเรื่องของหน่วยความจำทุกท่านจะต้องสังเกตการใช้งานโดยปกติของตนเองก่อนว่าเป็นผู้ที่มีการจัดเก็บข้อมูลในโทรศัพท์เยอะหรือไม่และจะต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไหนบ้างเพราะว่าจะได้เลือกความจุที่เหมาะสมต่อการใช้งานและควรที่จะสำรองที่ว่างภายในโทรศัพท์เพื่อการใช้งานในอนาคตอีกด้วย

ดังนั้นถ้าหากพูดถึงการใช้งานในปัจจุบันขั้นต่ำที่ควรมีก็คือหน่วยความจำขนาด 64 GB แต่ถ้าหากใครที่ใช้งานถ่ายรูปและใช้งานสำหรับการเล่นเกมก็ควรที่จะมีพื้นที่หน่วยความจำในตัวเครื่องที่มากกว่านั้น ที่สำคัญในปัจจุบันบางรุ่นไม่รองรับหน่วยความจำเสริมดังนั้นการเลือกซื้อโทรศัพท์จึงควรดูเลือกหน่วยความจำให้เพียงพอต่อการใช้งานเพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการลบแอพพลิเคชั่นบางอย่างออก

กล้อง: คุณต้องการกล้องและเมกะพิกเซลกี่ตัวจริงๆ

ในยุคปัจจุบันที่มีการใช้งานกล้องมือถือสำหรับการออกไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆดังนั้นถ้าหากการเลือกซื้อมือถือสิ่งสำคัญที่ต้องอย่ามองข้ามก็คือเรื่องกล้องเพื่อให้เลือกได้ตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละท่านจริงๆ โดยถ้าหากใช้งานสำหรับการถ่ายรูปเป็นหลักก็คือเลือกมือถือที่มีจุดเด่นในเรื่องของกล้องเพื่อให้ได้คุณภาพของรูปที่ดี

ที่สำคัญยังควรคำนึงถึงโหมดอื่นๆที่มีเพิ่มเข้ามาอีกด้วยเพราะจะเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้การถ่ายรูปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ โหมดกันสั่น โหมดถ่ายรูปในตอนกลางคืน และสำหรับคำถามว่าเมกะพิกเซลควรมีกี่ตัว ถ้าหากจะใช้งานได้เป็นอย่างดีขั้นต่ำของความละเอียดกล้องควรอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซลซึ่งเป็นความละเอียดที่อัพโหลดลงโซเชียลมีเดียได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 

  • โทรศัพท์ขนาดใดที่เหมาะกับคุณ ขนาดของโทรศัพท์จะขึ้นอยู่กับการใช้งานและความถนัดของแต่ละท่าน ดังนั้นควรเลือกโทรศัพท์ที่มีขนาดเหมาะสมกับการพกพาไปตามสถานที่ต่างๆ โดยจะต้องคำนึงถึงน้ำหนักที่จะตามมาอีกด้วย ดังนั้นการไปสัมผัสเครื่องจริงและไปลองถือดูก่อนว่าสามารถจับได้ถนัดมือหรือไม่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆท่านไม่ควรมองข้ามเลยเพราะบางครั้งจอขนาดใหญ่ใช้งานได้อย่างสะดวกแต่พกพาไปตามสถานที่ต่างๆแล้วหนักเกินไปก็จะไม่เหมาะสมกับท่าน
  • คุณตั้งใจจะใช้โทรศัพท์เพื่ออะไร ในการเลือกซื้อโทรศัพท์การดูเรื่องของการใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากจะได้เลือกสเปกที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน และสามารถคำนวณความจุแบตเตอรี่ที่ต้องการได้ ที่สำคัญถ้าหากจะใช้สำหรับการทำงานและการเล่นเกมก็จำเป็นต้องเลือกชิปเซ็ตที่มีคุณภาพสูงเพื่อให้การประมวลผลทำได้อย่างไหลลื่นอีกด้วย 
Best Mobile Phone

คำถามและคำตอบ

คุณควรซื้อโทรศัพท์ iPhone หรือ Android หรือไม่

การเลือกซื้อโทรศัพท์ iPhone หรือโทรศัพท์ Android เหตุผลหลักๆเลยก็คือความพึงพอใจและความถนัดในการใช้งานเพราะสำหรับบางท่านที่ใช้งาน iPhone มาโดยตลอดก็อาจจะชินกับการใช้งานเมนูต่างๆแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะเลือกซื้อโทรศัพท์สักเครื่องสิ่งสำคัญเลยก็คือเลือกให้เหมาะสมและสะดวกสบายต่อการใช้งานของท่านมากที่สุด โดยสิ่งสำคัญเลยก็คือให้อยู่ในงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ซึ่งทั้ง iPhone และ Android ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชอบของแต่ละท่าน

เวลาที่ดีที่สุดของปีในการซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่คือเวลาใด

 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการเลือกซื้อโทรศัพท์ใหม่คือช่วงที่มีการจัดโปรโมชั่นซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีการจัดงานโทรศัพท์อยู่ตลอดทั้งปี โดยถ้าหากซื้อในช่วงเวลานั้นจะได้รับส่วนลดที่ค่อนข้างสูงอีกทั้งยังมีของแถมเพิ่มเติมอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากใครที่กำลังเล็งอยากที่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ต้องรอช่วงที่มีการจัดงานประจำปีจะทำให้ได้รับความคุ้มค่ากันอย่างแน่นอน 

Photo of author

Tanawat

ธนวัฒน์ชอบแกดเจ็ตและเทคโนโลยี เขาสนุกกับการทดสอบ ทบทวน และเล่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ เขาชอบดูการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เดินป่า และท่องเที่ยวไปต่างประเทศ