สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี (Smart Watch) 2024

นาฬิกาอัจฉริยะหรือที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าสมาร์ทวอทช์ คืออุปกรณ์ที่ใช้งานได้อเนกประสงค์หลากหลายคล้ายกับสมาร์ทโฟนแบบติดตัวเครื่องหนึ่งเลยค่ะ แต่ความสามารถของสมาร์ทวอทช์นั้นจะแตกต่างจากสมาร์ตโฟนที่จะเน้นเรื่องของการติดตามสุขภาพและพฤติกรรมของเรา แล้วนำมาประเมินเป็นแนวโน้ม ซึ่งอาจจะแสดงผลเป็นภาพ กราฟ หรือตัวเลข เพื่อให้เราปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือแนวทางการออกกำลังกายให้เหมาะสม

นอกจากนี้สมาร์ทวอทช์หลาย ๆ รุ่นยังบอกค่าสุขภาพต่าง ๆ ได้ด้วย เช่น ค่าออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ คำนวณพลังงานที่ใช้ต่อวัน ดังนั้นสามาร์ตวอทช์จึงเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะอย่างยิ่งกับยุค New Normal ที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้สมาร์ทวอทช์ยังมีให้เลือกซื้อหลากหลายแบรนด์หลากหลายรุ่นอีกด้วย ในบทความนี้เราจึงได้นำเอา 10 อันดับสมาร์ทวอทช์ที่ได้รับความนิยม มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักและปิดท้ายด้วยทริคในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์อีกด้วยค่ะ

10 Smart Watch

  • 1. โดยรวมที่ดีที่สุดApple Watch Series 6 Lazada/Shopee
  • 2. ราคาประหยัดสำหรับผู้ใช้ iPhoneApple Watch Series 3 Lazada/Shopee
  • 3. ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ AndroidSamsung Galaxy Watch 4 Lazada/Shopee
  • 4. ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ AndroidAmazfit Bip U Pro SmartWatch Lazada/Shopee
  • 5. Fitbit สมาร์ทวอทช์ ที่ดีที่สุดFitbit Sense Lazada/Shopee
  • 6. สำหรับการติดตามการนอนหลับ: Fitbit Versa 3 Lazada/Shopee
  • 7. ดีที่สุดสำหรับการวิ่ง: GARMIN Forerunner 55 Lazada/Shopee
  • 8. ดีที่สุดสำหรับฟิตเนส: Garmin Vivoactive 4 Lazada/shopee
  • 9. ราคาประหยัดสำหรับฟิตเนส: Garmin Venu Sq Lazada/Shopee
  • 10. Wear OS ที่ดีที่สุด: TicWatch E2 Lazada/Shopee

สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี (Smart Watch) 2024

1. Apple Watch – Series 6

สมาร์ทวอทช์โดยรวมที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • ติดตามการนอนหลับ
  • มีระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน
  • วัดระดับความสูงได้
  • เลือกใช้โหมดออกกำลังกายได้แม่นยำและหลากหลาย
  • หน้าจอสว่างกว่ารุ่นเดิม 2.5 เท่า และแสดงหน้าจอตลอดเวลา
  • ใช้งานได้ทั้งการโทรเข้าออก ส่งข้อความ และฟังเพลง
ข้อเสีย
  • ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้เท่านั้น

ถือเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นยอดนิยมแห่งปีเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะ Apple Watch – Series 6 มีฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจหลากหลายโหมดซึ่งได้รับการพัฒนามาจากรุ่นก่อน และยังโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นอีกด้วย เช่น การวัดค่าออกซิเจนในเลือด ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน (ใช้งานได้บางประเทศ ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่สามารถใช้งานได้)

โหมดออกกำลังกายหลายประเภทที่ให้ผลแม่นยำ และอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่หลาย ๆ คนเทใจให้คือการแสดงหน้าจอตลอดเวลา ทำให้สะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ในรุ่นนี้ยังสามารถเลือกใช้งานโหมดแฟมิลี่ ที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ และผู้ปกครองเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกันโดยที่เด็ก ๆ เองไม่จำเป็นต้องพก iPhone ติดตัวได้ด้วย แต่ใครที่ไม่ได้ใช้งาน iPhone จะไม่สามารถใช้งานสมาร์ทวอทช์รุ่น GPS ได้ แต่สามารถเลือกใช้เป็นรุ่นเซลลูลาร์ได้ค่ะ

2. Apple Watch Series 3

สมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • ติดตามการนอนหลับ
  • เลือกใช้โหมดออกกำลังกายได้แม่นยำและหลากหลาย
  • ใช้งานได้ทั้งการโทรเข้าออก ส่งข้อความ และฟังเพลง
  • ราคาย่อมเยา
ข้อเสีย
  • ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้เท่านั้น

หากใครที่คิดว่า Apple Watch Series 6 ราคาสูงเกินไป และไม่ได้ใช้งานฟังก์ชันมากมายนัก การเลือก Apple Watch Series 3 นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน iPhone ที่สุดค่ะ เพราะรุ่นนี้ราคาจะห่างกันถึง 50% ทั้งยังใช้งานในโหมดออกกำลังกายได้หลากหลายและแม่นยำไม่แพ้กับรุ่น Series 6 เลยด้วย

แถมยังมีเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โหมดติดตามการนอนหลับ และยังใช้งานผ่านแอปพลิเคชันร่วมกับ iPhone ในการรับสายโทรเข้าโทรออก การฟังดพลงและส่งข้อความได้ด้วย หลาย ๆ คนที่เป็นสายเฮลท์ตี้จึงชื่นชอบและเลือกใช้งานกันจำนวนมาก แต่หลาย ๆ คนอาจจะขัดใจเรื่องของความสว่างหน้าจอที่เมื่อยู่กลางแจ้งจะมองไม่ชัด และไม่สามารถแสดงหน้าจอติดได้ตลอดเวลา ทำให้เมื่อต้องการใช้งานจะต้องมีการพลิกข้อมืออยู่ตลอดนั่นเองค่ะ

3. Samsung – Galaxy Watch 4

สมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Android

ข้อดี
  • หน้าจอ Super Amoled ภาพสวย คมชัด
  • ปรับความสว่างตามสภาพแสงได้
  • มีฟังก์ชันการตั้งค่าให้หน้าจอติดตลอด
  • ฟังก์ชัน Body Composition (การวัดข้อมูลร่างกาย)
  • ฟังก์ชันติดตามการนอนหลับและการกรน
  • วัดระดับออกซิเจนขณะนอนหลับ
  • เลือกใช้โหมดออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ
  • ใช้งานได้ทั้งการโทรเข้าออก
  • ส่งข้อความ
  • ฟังเพลง
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS

มาที่สมาร์ทวอทช์ในฝั่งของ ระบบปฏิบัติการ Android กันบ้างค่ะ ซึ่งรุ่นที่เรานำมาแนะนำนี้เป็นสมาร์ทวอทช์จากค่ายดังอย่าง Samsung ชื่อรุ่น Galaxy Watch 4 โดยสำหรับรุ่นนี้นั้นจะมีการแบ่งออกตามขนาดของไซส์รอบข้อมือทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ ไซส์ 40 มิลลิเมตร, 42 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นของ Galaxy Watch 4 นั้นอยู่ที่เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีการร่วมมือกันกับ Google ในการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ

จนทำให้นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้สามารถใช้งานได้แทบจะเหมือนสมาร์ตโฟนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการรับสายโทรศัพท์ การส่งข้อความ การใช้งานแอปพลิเคชัน และการฟังเพลง นอกจากนี้ตัวสมาร์ทวอทช์ยังสามารถใช้ตรวจสอบแนวโน้มของสุขภาพได้ผ่านการใช้งานฟีเจอร์ Body Composition ร่วมกับแอปพลิเคชัน Samsung Healthy อีกด้วย ที่สำคัญด้วยความที่ใช้หน้าจอแบบ Super Amoled ทำให้ได้จอภาพที่คมชัด สวยงามและยังปรับความสว่างได้ตามสภาพแสง หมดกังวลเมื่อต้องใช้งานกลางแจ้งไปเลยค่ะ

4. Amazfit – Bip U Pro SmartWatch

สมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Android

ข้อดี
  • มี GPS ในตัว
  • ราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับฟังก์ชันในการใช้งาน
  • น้ำหนกเบาเพียง 31 กรัม
  • กันน้ำได้ 5 ATM
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุดนาน 9 วัน
  • ฟังก์ชันติดตามการนอนหลับและวัดระดับออกซิเจนขณะนอนหลับ
  • เลือกใช้โหมดออกกำลังกายได้ 60 รูปแบบ
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS

ใครที่อยากได้สมาร์ทวอทช์ในราคาย่อมเยา Amazfit รุ่น Bip U Pro SmartWatch ตัวนี้ นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะด้วยฟีเจอร์ที่ให้มาเยอะจุใจแบบจัดเต็ม ทั้งในส่วนของโหมดการใช้งานออกกำลังกายที่มีมากถึง 60 โหมด การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การติดตามการนอนหลับและการวัดค่าออกซิเจนในเลือดก็สามารถทำได้เช่นกัน และเห็นว่าราคาแค่พันนิด ๆ นี้ก็ยังใส่ GPS ในตัวมาให้ด้วย จึงนับว่าคุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ

สำหรับคนที่อยากได้นาฬิกาอัจฉริยะ มาเพื่อช่วยในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นสักเครื่อง และหลาย ๆ คนยังชื่นชอบที่เจ้าสมาร์ทวอทช์ตัวนี้มีน้ำหนักเบาเพียง 31 กรัมเท่านั้น ทำให้ไม่รู้สึกเกะกะหรืออึดอัดเมื่อต้องสวยใส่ในขณะวิ่งหรือออกกำลังกายอีกด้วย ส่วนระยะเวลาในการใช้งานก็ใช้ต่อเนื่องได้นานสูงสุดถึง 9 วันกันเลยทีเดียว 

5. Fitbit Sense

Fitbit Sense สมาร์ทวอทช์ ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • สามารถวัดค่าความเครียด (EDA) ได้
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • สามารถวัดค่าอุณหภูมิผิวหนังได้
  • ติดตามการนอนหลับ
  • โหมดออกกำลังกาย 20 โหมด
  • รองรับการรับสาย
  • การแจ้งเตือนข้อความได้
  • ฟังเพลงผ่าน Spotify ได้
  • ใช้งานได้นานสูงสุด 6 วัน
  • มีไมโครโฟน
  • ลำโพงในตัวเพื่อรองรับ
  • ใช้งานโทรเข้าโทรอก
  • รองรับการชาร์จเร็ว
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการใช้งานเมนูภาษาไทย

ถ้าใครที่เป็นสายเฮลท์ตี้ ชอบเรื่องของการดูแลสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกาย อาหารการกิน การนอนหลับ รวมไปถึงสุขภาพจิตด้วยแล้ว Fitbit Sense ตัวนี้ นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะด้วยความสามารถที่หลากหลายในการใช้งานทั้งการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การวัดอุณหภูมิผิวหนังเพื่อตรวจสอบแนวโน้มของสุขภาพ การติดตามการนอนหลับ โหมดการออกกำลังกาย ทั้งการวิ่ง เดิน ว่ายน้ำ เวทเทรนนิ่ง และยังมีโหมดฟังก์ชันการวัดค่าความเครียด

เพื่อช่วยให้คุณได้ดูแลสุขภาพอย่างครบด้านอย่างแท้จริง แถมยังใช้งานได้นานติดต่อกันสูงสุดถึง 6 วันเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับหลาย ๆ แบรนดืที่มีความสามารถระดับเดียวกัน แต่รุ่นนี้ไม่รองรับการใช้งานภาษาไทยและยังไม่สามารถโทรอกได้ แต่ต้องรอติดตามว่าในอนาคตจะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้หรือไม่เพราะจริง ๆ แล้วตัวเครื่องก็มีไมค์โครโฟนให้มาด้วยอยู่แล้วค่ะ

6. Fitbit Versa 3

สมาร์ทวอทช์ ที่ดีที่สุดสำหรับการติดตามการนอนหลับ

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • ติดตามการนอนหลับ
  • โหมดออกกำลังกาย 15 โหมด
  • รองรับการรับสาย
  • การแจ้งเตือนข้อความได้
  • ฟังเพลงผ่าน Spotify ได้
  • ใช้งานได้นานสูงสุด 6 วัน
  • มี GPS ในตัว
  • มีไมโครโฟน
  • ลำโพงในตัว
  • เพื่อรองรับการใช้งานโทรเข้าโทรออก
  • รองรับการชาร์จเร็ว
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการใช้งานเมนูภาษาไทย

Fitbit Versa 3 เป็นสมาร์ทวอทช์ราคากลาง ๆ ที่ใช้งานได้เทียบเท่ากับรุ่นหลักหมื่นเลยค่ะ เพราะตัวนี้ได้รับการพัฒนาให้มี GPS ในตัว จึงติดตามการทำกิจกรรมของคุณได้อย่างสะดวกมากขึ้น มาพร้อมกับโหมดการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การว่ายน้ำ และฟิสเนต ที่มีให้เลือกกว่า 15 โหมด ทั้งยังมีท่าทางตัวอย่างเหมือนกับคุณมีโค้ชส่วนตัวอีกด้วย แถมรุ่นนี้ยังมีน้ำหนักเบามาก ๆ ค่ะ นอกจากนี้แล้วยังสามารถติดตามการนอนหลับได้ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

และการแจ้งเตือนรอบเดือนสำหรับคุณผู้หญิงได้ด้วย ส่วนสิ่งที่เพิ่มมาจากรุ่นเดิม ๆ ก็คือเรื่องของความสามารถในใช้งานแบบ always-on display ที่จะแสดงหน้าจอได้ตลอดเวลา และหน้าจอแบบ Amoled ที่มีความคมชัดยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อใช้ในการช่วยดูแลสุขภาพและออกกำลังกายสุด ๆ

7. GARMIN Forerunner 55

สมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดสำหรับการวิ่ง

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • สามารถวัดชีพจร
  • วัดค่าออกซิเจน
  • วัดความเครียดได้
  • ติดตามนอนนอนหลับ
  • มี GPS ในตัว ติดตามระยะทางการวิ่ง 
  • มีฟีเจอร์แนะนำการออกกำลังกาย วางแผนการซ้อมและกลยุทธในการแข่งขัน
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 14 วัน
  • ดีไซน์แนวสปอร์ต
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการรับสาย การแจ้งเตือนข้อความ

ถูกใจบรรดานักกีฬาและคนที่ชอบวิ่งเป็นประจำทุกวันมาก ๆ ค่ะ กับสมาร์ทวอทช์จาก GARMIN รุ่น Forerunner 55 ที่จัดหนัก จัดเต็มในเรื่องฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะการวิ่ง ที่เขาได้นำเอาโหมดการแนะนำการวิ่ง การวางแผนฝึกซ้อมและกลยุทธในการแข่งขัน และยังสามารถติดตามระยะทางในการวิ่งได้จาก GPS ในตัว

ทำให้ไม่ต้องคอยพกสมาร์ตโฟนไปให้เกะกะ ทั้งยังมีน้ำหนักเบาและดีไซน์แนวสปอร์ตอีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานเรื่องของโหมดการดูแลสุขภาพได้หลากหลาย ทั้งการติดตามการนอนหลับ การวัดชีพจร การวัดอัตราการเต้นของหัวใจและความเครียด แต่ต้องบอกก่อนว่ารุ่นนี้นั้นไม่รองรับการใช้งานแบบทัชสกรีน นั่นก็เพราะว่าทางผู้ผลิตต้องการป้องกันเมื่อมือเราไปโดนขณะออกกำลังกายโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นเองค่ะ

8. Garmin – Vivoactive 4

สมาร์ทวอทช์ที่ดีที่สุดสำหรับฟิตเนส

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • สามารถวัดค่าการหายใจและติดตามการดื่มน้ำได้
  • มี GPS ในตัวที่แม่นยำกว่ารุ่นก่อน 
  • มีโหมดออกกำลังกายพร้อมกับท่าทางแนะนำ
  • มีฟีเจอร์แนะนำการออกกำลังกาย วางแผนการซ้อมและกลยุทธในการแข่งขัน
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 5 วัน
ข้อเสีย
  • ไม่มีระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน

มาถึง Garmin รุ่น Vivoactive 4 กันบ้างค่ะ ซึ่งรุ่นนี้จะเป็นรุ่นกลางของแบรนด์ ความสามารถจะไม่ได้เน้นหนักในการออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป แต่จะเน้นเรื่องของการใช้งานที่ค่อนข้างอเนกประสงค์ แต่ที่คิดว่าน่าจะโดนใจคนที่ชอบออกกำลังกายด้วยตัวเองก็คือรุ่นนี้จะมีโหมดออกกำลังกายที่มาพร้อมกับการสาธิตท่าทางแบบรูปภาพเคลื่อนไหว

เพื่อให้ทำตามได้ง่าย ๆ และยังมีระบบติดตาม GPS ในตัวที่มีความเสถียรและแม่นยำมากกว่ารุ่นก่อน เหมาะกับการติดตามการเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง นอกจากนี้ในส่วนของการดูแลร่างกายก็ยังใช้โหมดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดค่าออกซิเจน ติดตามการดื่มน้ำ และแจ้งเตือนประจำเดือนได้อีกด้วย และหากใครที่อยากฟังเพลงก็สามารถฟังผ่าน Spotify ได้เช่นกันค่ะ

9. Garmin – Venu Sq

สมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดที่ดีที่สุดสำหรับฟิตเนส

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • สามารถวัดชีพจร
  • วัดค่าออกซิเจน
  • วัดความเครียดได้
  • ติดตามนอนนอนหลับ
  • มี GPS ในตัว 
  • มีโหมดออกกำลังกายมากกว่า 20 โหมด 
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 6 วัน
  • ลงเพลงได้มากกว่า 500 เพลง (รุ่น Music)
  • เชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธ
  • ควบคุมการเล่นเพลงได้ผ่านสมาร์ตวอทช์เลย (รุ่น Music)
ข้อเสีย
  • ไม่รองรับการรับสาย การแจ้งเตือนข้อความ

เป็นสมาร์ทวอทช์อีกแบรนด์ที่คนรุ่นใหม่เลือกใช้ เพราะสำหรับ Garmin นั้นนอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เรียบหรูแล้ว สำหรับรุ่นนี้ก็ยังมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบ รุ่น Sq และรุ่น Sq Music ที่สามารถเล่นเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์ได้เลย ในส่วนของฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ยังให้มาค่อนข้างครอบคลุม

ทั้งโหมดการออกกำลังกายที่มีมากกว่า 20 ชนิด ทั้งการวิ่ง ปั่นจักรยานและฟิสเนส ซึ่งจะควบคุมระยะทางและทำงานร่วมกับ GPS ในตัว ทั้งนี้ในรุ่น Music ยังเหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงขณะออกกำลังกายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถจุเพลงได้มากกว่า 500 เพลง และควบคุมการเล่นได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน และเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธได้สะดวกมาก ๆ 

10. TicWatch E2

นาฬิกา Wear OS ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
  • มี GPS ในตัว 
  • มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 5 วัน
  • ราคาย่อมเยา
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถเล่นเพลงได้

เป็นสมาร์ทวอทช์ราคาย่อมเยาที่ความสามารถเหนือกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งในราคาหลักพันต้น ๆ นี้ แต่ให้ GPS มาในตัวด้วย ทำให้ใช้งานสะดวกไม่ต้องพกสมาร์ตโฟนติดตัวให้เกะกะ และยังมาพร้อมกับความสามารถในการกันน้ำได้ 5ATM ไม่ต้องกังวลแม้จะเปียกฝนหรือแม้แต่ใส่ว่ายน้ำก็ยังได้

นอกจากนี้การใช้งานในโหมดของสุขภาพก็ยังใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายได้จากฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่นไหมอัตโนมัติ และที่น่าสนใจอีกอย่างคือสามารถสั่งการด้วยเสียงได้แถมยังใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เลยค่ะ ดังนั้นใครที่อยากได้สมาร์ทวอทช์เครื่องแรกมาหัดใช้งานเพื่อดูแนวโน้มของสุขภาพและเป็นหนึ่งในผู้ช่วยออกกำลังกาย ไม่ควรพลาดนะคะ

คู่มือการซื้อ สมาร์ทวอทช์

คู่มือการซื้อ สมาร์ทวอทช์

วิธีเลือกนาฬิกาอัจฉริยะที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

หลังจากที่ได้รู้จักกับ 10 อันดับสมาร์ทวอทช์ที่เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภทกันไปแล้ว ต่อจากนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้เกี่ยวกับทริคในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์กันบ้างค่ะ ซึ่งเราเองก้ได้รวบรวมมาจากแหล่งความรู้มากมาย เพื่อสรุปให้ทุกคนได้เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้เลือกซื้อได้จริง จะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

ความเข้ากันได้

อันดับแรกที่เราต้องโฟกัสก่อนเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ก็คือ ความสามารถใช้การใช้งานร่วมกันกับอุปกรณ์ที่เรามี นั้นก็คือสมาร์ทโฟนนั่นเองค่ะ ซึ่งปัจจุบันสมาร์ตโฟนก็มีให้เลือกใช้งานกัน 2 ระบบใหญ่ ๆ คือ iOS และ Android โดยในฝั่งของ iOS จะสามารถใช้ร่วมกับมือถือ iPhone เท่านั้น ไม่นับรวม iPAD และ MAC นะคะ

และด้วยราคาของอุปกรณ์ของแบรนด์นี้ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นทาง iOS จึงได้เพิ่มฟีเจอร์แฟมิลี่ ซึ่งจะสามารถใช้งานสมาร์ทวอทช์หลายเครื่องร่วมกับมือถือเครื่องเดียวได้นั่นเอง ทำให้เหมาะมาก ๆ กับผู้ปกครองที่ต้องการซื้อให้ลูก ๆ นั่นเองมาที่ฝั่งของ Android กันบ้างค่ะ ซึ่งในระบปฏิบัติการนี้ ก็มีผู้ใช้งานกันอย่างพร่หลาย ทำให้มีสมาร์ทวอทช์ให้เลือกซื้อกันมากมาย และมีหลายราคาให้เลือกอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องน่ากังวล

เพียงคุณเลือกซื้อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ นอกจากนี้หากใครที่ไม่อยากเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนให้ยุ่งยาก ก็สามารถเลือกซื้อแบบเซลลูลาร์ได้อีกด้วย ซึ่งจะสามารถใส่ซิมโทรศัพท์ได้ ทำให้สามารถใช้งานรับสาย ส่งข้อความ หรือแม้แต่บางรุ่นก็สามารถใช้งานแอปพลิชันได้แบบไม่ต้องง้อสมาร์ตโฟนเลยทีเดียว แต่ราคาก็จะแพงกว่ารุ่นปกติค่ะ

  • ราคา ในเรื่องของราคา ต้องบอกว่าปัจจุบันมีสมาร์ทวอทช์ให้เลือกซื้อหลากหลายรุ่น หลายแบรนด์ และหลายราคามากค่ะ เริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว แต่หากคุณต้องการซื้อมาใช้งาน และต้องการที่ทนทานหน่อย แนะนำให้เลือกราคาหลักพันขึ้นนะคะ เพราะราคานุถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ และสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย และมีความน่าเชื่อถือกว่านั่นเองค่ะ นอกจากนี้แล้วในรุ่นเดียวกัน ราคาก็จะแตกต่างกันด้วย โดยจะมีความต่างในเรื่องของวัสดุและสายสมาร์ทวอทช์ ซึ่งหากเป็นแบรนด์ดัง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีสายให้เลือกซื้อหลากแบบตามสไตล์ของผู้ใช้งานค่ะ
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยปกติแล้ว แบตเตอรี่ของสมาร์ทวอทช์จะมีระยะการใช้งานเฉลี่ยที่ 3 -5 วัน แต่ในบางรุ่นก็ไม่ถึง ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราด้วย ดังนั้นจำนวนชั่วโมงการใช้งานของสมาร์ทวอทช์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะในการใช้งานจริงนั้น สมาร์ทวอทช์แทบจะอยู่ติดตัวกับเราตลอดเวลา และในคนที่ต้องการวัดค่าต่าง ๆเช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามการนอนหลับ การวัดระยะทางการวิ่ง ก็จำเป็นต้องเปิดโหมดการใช้งานนั้น ๆ ไว้ตลอดเวลา ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนเลือกซื้อจึงควรหาข้อมูลหรือสอบถามทางผู้จำหน่ายว่าสมาร์ทวอทช์รุ่นนั้นสามารถใช้งานได้นานกี่ชั่วโมงหรือกี่ วัน รวมทั้งระยะเวลาในการชาร์จไฟด้วยค่ะ

ติดตามการออกกำลังกาย

เชื่อว่าหลาย ๆ คน ต้องการซื้อสมาร์ทวอทช์มาเพื่อเป็นผู้ช่วยในการติดตามการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นติดตามระยะทางการวิ่ง จำนวนก้าว หรือแม้แต่พลังงานที่ใช้ไปในแต่ละกิจกรรม ดังนั้นสมาร์ทวอทช์ที่จะเหมาะกับการใช้งานในลักษณธนี้จึงควรมี GPS ในตัวที่มีความแม่นยำสูงค่ะ และหากใครที่ชอบกิจกรรมออกกำลังกายหลากหลาย ก็แนะนำให้เลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ที่มีโหมดอกกำลังกายที่คุณสนใจ ซึ่งก็มีหลายรุ่นนะคะ ที่มีความสามารถเฉพาะเจาะจงในการออกกำลังกายแต่ละแบบเช่น สมาร์ทวอทช์ที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่ง การเล่นฟิสเนส และการว่ายน้ำ เป็นต้น ค่ะ

  • การสื่อสาร ในสมาร์ตวอทช์บางรุ่น สามารถใช้งานรับสายได้แทนสมาร์ตโฟน ซึ่งถือว่าอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมากเลยค่ะ และนอกจากนี้ก็ยังรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานในการสื่อสาร อย่างเช่น เฟสบุ๊ค ไลน์ โดยจะมีทั้งแบบที่สามารถพิมพ์ได้ผ่านหน้าจอสมาร์ทวอทช์และแบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google G Broad อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นด้วยค่ะ
  • ขนาด เนื่องจากสมาร์ทวอทช์มักจะใช้ในการวัดค่าต่าง ๆ ของร่างกาย และหลายคนก็นิยมใส่ออกกำลังกายด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อขนาดที่พอดีกับข้อมูล สวมใส่นิ่มสบาย และกระชับ อีกทั้งน้ำหนักต้องเบาด้วยค่ะ โดยปัจจุบันจะเห็นว่ามีหลายแบรนด์ที่จะออกรุ่นที่เหมาะกับผู้หญิงและผู้ชายมาให้เลือกโดยเฉพาะ และบางรุ่นก็ยังให้สายสมาร์ทวอทช์ทั้งแบบผู้ชายและแบบผู้ใหญ่ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้เลือกเปลี่ยนอีกด้วยค่ะ

การควบคุมด้วยเสียงและคำสั่งเสียง

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก ๆ ของสมาร์ทวอทช์ คือฟีเจอร์การสั่งการด้วยเสียง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างเล็กของสมาร์ทวอทช์ ทำให้หลายครั้งที่เราไม่สะดวกที่ต้องพิมพ์หรือเลื่อนหาแอปพลิเคชันมากนัก ดังนั้นการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ ก็จะช่วยให้ราใช้งานได้สะดวกและสนุกสนานมากขึ้นนั่นเองค่ะ

  • แอปพลิเคชั่น ที่อยู่ในสมาร์ทวอทช์นั้น จะสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเราได้ด้วยค่ะ โดยจะอยู่ในรูปแบบการทำงานร่วมกัน เช่น หากคุณเปิดโหมดการวิ่งสมาร์ทวอทช์ก็จะติดตามระยะทางของคุณ และจะแสดงผลที่ในแอปพลิเคชันของสมาร์ตโฟนและหน้าจอของสมาร์ทวอทช์ด้วย หรือการติดตามการนอนกลับ สมาร์ทวอทช์ก็จะเก็บข้อมูลและทำสถิติไว้ให้ในแอปพลิเคชันนั่นเอง  
  • สมาร์ทวอทช์กับตัวติดตามฟิตเนส หลาย ๆ คนที่เลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ ก็เพราะต้องการผู้ช่วยในการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ ซึ่งสมาร์ทสอทช์ก็นับว่าช่วยตอบโจทย์ได้อย่างมากค่ะ เพราะมีโหมดแนะนำการออกกำลังกายและการประเมินแนวโน้มสุขภาพ อย่างเช่น แสดงผลพลังงานที่ใช้ไปในการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม แนะนำท่าออกกำลังกาย การวางแผนการออกกำลังกาย จึงเหมาะกับคนที่ชอบเข้าฟิสเนสบ่อย ๆ หรือชอบออกกำลังกายเองที่บ้านค่ะ

สมาร์ทวอทช์ของคุณต้องการการเชื่อมต่อแบบเซลลูลาร์หรือไม่

จริง ๆ แล้วสมาร์ทวอทช์จะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อคุณพกพาสมาร์ตโฟนติดตัวอยู่เสมอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แบบเซลลูลาร์ แต่หากในกรณีที่คุณต้องการซื้อให้เด็ก ๆ หรือคุณพ่อคุณแม่ใช้งาน การใช้งานร่วมกับแอปพลิชันในสมาร์ตโฟนนั้นอาจจะไม่สะดวก ดังนั้นกรณีนี้การเลือกสมาร์ทวอทช์แบบเซลลูลาร์จึงช่วยให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนนั่นเองค่ะ

Best Smart Watch

คำถามและคำตอบ

แบตเตอรี่บนสมาร์ทวอทช์มีอายุการใช้งานนานเท่าใด


จากการที่ได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเรื่องการใช้งานสมาร์ตวอทช์ พบว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ที่ 1 ปี หลังจากนั้นแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน โดยอาจจะมีจำนวนชั่วโมงการใช้งานที่สั้นลงเช่น เดิมเคยใช้งานต่อเนื่องได้นาน 1 สัปดาห์ แต่หลังจาก 1 ปี อาจจะใช้งานได้ 5 วัน เป็นต้น และหลังจากนั้นแบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมลงเรื่อย ๆ นอกจากนี้การเลือกใช้หัวชาร์ตยังมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ด้วย เพราะหากคุณเลือกใช้หัวชาร์ตเร็วแบตจะเสื่อมเร็วกว่า 

คุณควรใช้จ่ายกับสมาร์ทวอทช์มากแค่ไหน


หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลเรื่องของแบตเตอรี่สมาร์ทวอทช์ไปแล้ว หลาย ๆ คนอาจจะชั่งใจในการเลือกซื้อสมาร์ทวอทช์ราคาสูง ๆ อยู่ใช่ไหมคะ แต่อยากจะบอกว่าไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะหลาย ๆ คนที่ใช้งานสมาร์ทวอทช์มาหลายปี โดยเลือกซื้อจากแบรนด์ดัง ๆ รุ่นดี ๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และการใช้งานนั้น ก็ไม่ได้พบปัญหาที่มากเกินไปค่ะ เพราะจริง ๆ แล้วเป็นปกติของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน โดยยิ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีการใช้งานแทบทั้งคืนทั้งวันด้วยแล้วก็จะเสื่อมเร็วกว่านั่นเอง ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อสมาร์ทวอทช์ เราแนะนำให้เลือกตามงบประมาณที่คุณรับไหวและไลฟ์สไตล์ของคุณเองค่ะ

Photo of author

Tanawat

ธนวัฒน์ชอบแกดเจ็ตและเทคโนโลยี เขาสนุกกับการทดสอบ ทบทวน และเล่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ เขาชอบดูการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เดินป่า และท่องเที่ยวไปต่างประเทศ