สาวๆหลายคนต้องเจอปัญหาผมชี้ฟูกันอย่างแน่นอน ยิ่งสาวไทยที่มีผมหนา ผมหยิกจะปล่อยผมแต่ละครั้งก็คิดหนักกันเลยทีเดียวเพราะมันจะพันกัน และสร้างความรำคาญใจให้กับหลายๆคนได้อีก แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะแก้ไม่ได้ สาวๆสามารถเนรมิตทรงผมที่ชอบกันได้ไม่ยากเพียงแค่มองหาอุปกรณ์เสริมอย่างที่หนีบผมซึ่งเป็นเครื่องที่ช่วยเนรมิตผมตรงและดูสวยงาม ซึ่งในปัจจุบันก็มีการผลิตออกมาหลากหลายรุ่น ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าควรจะซื้อ เครื่องหนีบผมยี่ห้อไหนดี ที่จะตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด ซึ่งจะมียี่ห้อไหนที่น่าสนใจบ้างไปดูกันได้เลย
10 เครื่องหนีบผม
1. โดยรวมที่ดีที่สุด: Remington HydraLuxe Pro Lazada/Shopee
2. งบประมาณที่ดีที่สุด: CkeyiN HS299 Lazada/Shopee
3. ทำความร้อนรวดเร็ว: Cool a styler LCD2IN1 Lazada/Shopee
4. สำหรับผมหนา: LESASHA LS1199 Lazada/Shopee
5. สำหรับน้ำหนักเบา: Philips HP8319 Lazada/Shopee
6. สำหรับผมเสีย: CREATE ION Lazada/Shopee
7. สำหรับผมหยิกหยักศก: LESASHA LS1180 Lazada/Shopee
8 แบบไร้สาย: Dyson Corrale Lazada/Shopee
9. แบบไอน้ำ: Cool a styler Lazada/Shopee
10. สำหรับเดินทาง: Nobby Lazada/Shopee
- ครีมยืดผมที่ดีที่สุดในปีนี้
- ที่ม้วนผมแบบไหนดีที่สุด
เครื่องหนีบผมยี่ห้อไหนดี: 2024
1. Remington – HydraLuxe Pro
เครื่องหนีบผมโดยรวมที่ดีที่สุด
- แก้ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมได้ทั้งหมด
- แก้ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมได้ทั้งหมด
- กลิ่นหอมติดทนตลอดทั้งวัน
- เหมาะกับสภาพเส้นผมทุกรูปแบบ
- ตัวครีมเข้มข้นล้างออกค่อนข้างยาก
ช่วยบำรุงให้ผมเงางามอยู่ตลอด เพียงแค่สระและทิ้งไว้แค่ 3 นาทีเท่านั้น ทุกคนก็จะเนรมิตผมนิ่มสลวย บำรุงได้ถึงรากผมและหนักศีรษะช่วยเสริมความแข็งแร่งให้กับเส้นผม ไม่ว่าจะประสบปัญหาเส้นผมรูปแบบไหนทั้งผมแตกปลาย ผมไม่มีน้ำหนัก รังแค หรือผมขาดหลุดร่วง ทุกปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมเคราตินตัวนี้สามารถจัดการได้ทั้งหมด
เคราตินหมักผมที่เราจะแนะนำว่าดีที่สุดสำหรับผมธรรมดาคือเคราตินของแบรนด์ JOJI Charcoal Keratin ซึ่งต้องบอกเลยว่าตัวนี้ทำความสะอาดเส้นผมและความมันได้อยู่มัด มีส่วนผสมหลัก 3 ชนิด คือ ผงชาโคลที่จะช่วยดูดซับสิ่งสกปรก เคราตินที่ช่วยบำรุงเส้นผม และสารสกัดเมล็ดมะรุมที่จะลดการขาดหลุดร่วง เนื้อเคราตินมีความหนาแน่นเข้มข้น กลิ่นหอมติดทน ที่สำคัญการที่เลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติทำให้เหมาะกับผมธรรมดา
2. CkeyiN – HS299 / HS028
เครื่องหนีบผมที่ดีที่สุดในเรื่องงบประมาณ
- ปรับอุณหภูมิได้ 12 ระดับ
- ปรับอุณหภูมิได้ 120 ถึง 230 องศา
- แผ่นหนีบกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- จอแสดงผลแบบ LCD
- แผงควบคุมใช้งานง่าย
- เครื่องร้อนค่อนข้างช้า
ถ้าหากจะมองหาที่หนีบผมที่ดีที่สุดในเรื่องของงบประมาณ เราขอแนะนำยี่ห้อ CkeyiN รุ่น HS299 / HS028 โดยเป็นที่หนีบผมที่มีแผ่นร้อนที่ค่อนข้างกว้าง ร้อนได้อย่างรวดเร็ว ใช้งานได้ง่ายมาพร้อมกับแผงควบคุมที่ควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นจอแสดงผลแบบ LCD อีกด้วย สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ทั้งหมด 12 ระดับ ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 120 องศาไปจนถึง 230 องศาเลยทีเดียว
มีการออกแบบแผ่นความร้อนให้กว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานเส้นผมได้ทั้งหมด สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี ทำให้เส้นผมตรงและใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังมีระบบล็อคตัวเครื่องแบบอัจฉริยะไม่ให้ปรับเปลี่ยนองศาอัตโนมัติ วัสดุของตัวเครื่องจะมีแผ่นโลหะผสมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีสารที่ผลิตกรดอะมิโนทำให้เส้นผมมีความมันวาวและแข็งแรง ให้ความร้อนสม่ำเสมอ
3. Cool a styler – LCD2IN1
เครื่องหนีบผมที่ดีที่สุดทำความร้อนรวดเร็ว
- ตัวเครื่องร้อนไวใช้เวลาไม่ถึง 12 วินาที
- แผ่นทำความร้อน MCH ขนาดยาวไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
- ปรับอุณหภูมิได้ 10 ระดับ
- แผ่นหนีบค่อนข้างแคบ
ที่ หนีบ ผม ยี่ห้อ Cool a styler รุ่น LCD2in1 เป็นที่หนีบผมแบบไออนิคที่ทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถใช้งานได้แบบ 2 in 1 เลยทีเดียว ทั้งม้วนและหนีบผมก็สามารถทำได้ทั้งสองอย่าง โดยมาพร้อมกับความร้อนที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาแค่เพียง 12 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังมีแผ่นเซรามิกที่มีความยาวมากขึ้นอีกด้วย เป็นรุ่นที่มีสายไฟยาว 1.8 เมตรใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
โดยเป็นรุ่นที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งหมด 10 ระดับเลยทีเดียว ใช้งานได้กับทุกสภาพเส้นผม โดยเริ่มต้นตั้งแต่อุณหภูมิ 130 องศา ไปจนถึงอุณหภูมิ 230 องศา ตัวเครื่องถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีดูทันสมัยกับจอแบบ LCD ที่แสดงค่าอุณหภูมิไว้อย่างชัดเจน แผ่นทำความร้อน MCH มีขนาดยาว ทำความร้อนให้กับผมได้อย่างรวดเร็ว ความร้อนคงที่ ไม่ทำให้เส้นผมเกิดความเสียหาย มีพลังงานไอออนิคที่ลดไฟฟ้าสถิตย์ไม่ทำให้ผมชี้ฟูอีกด้วย
4. LESASHA – LS1199
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดสำหรับผมหนา
- แผ่นหนีบมีขนาดกว้าง
- วัสดุแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน
- ปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ
- ปรับอุณหภูมิได้สุงสุด 220 องศา
- แผ่นหนีบมีขนาดกว้าง
- วัสดุแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน
- ปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ
- ปรับอุณหภูมิได้สุงสุด 220 องศา
LESASHA รุ่น LS1199 เป็นที่หนีบผมที่ดีที่สุดสำหรับผมหนาเลยทีเดียว เนื่องจากมาพร้อมกับแผ่นหนีบที่มีความกว้างแบบพิเศษ ใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ตัวเครื่องจับได้ถนัดมือ แผ่นทำความร้อนปรับอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 220 องศาซึ่งเหมาะสำหรับสาวๆที่มีผมค่อนข้างหนาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการใช้วัสดุเคลือบหนาเพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนอีกด้วย สายไฟมีความยาว 3 เมตรสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ
แผ่นหนีบมีการเคลือบทัวร์มาลีนเอาไว้ทั้งหมดไม่ทำให้เส้นผมเกิดการแห้งเสีย สามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งหมด 5 ระดับ ตั้งแต่ 140 องศา , 160 องศา , 180 องศา , 200 องศา และ 220 องศา มีระบบปิดการใช้งานอัตโนมัติในกรณีที่ไม่ได้ใช้งานเกิน 60 นาที โดยรุ่นนี้สามารถปรับความร้อนได้ด้วยการกดปุ่ม สำหรับตัวแสดงอุณหภูมิจะเป็นสีไฟที่ขึ้นตามอุณหภูมิแต่ละระดับ โดยจะอยู่ด้านในของที่หนีบ
5. Philips – HP8319/ HP8321
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดสำหรับน้ำหนักเบา
- น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย
- แผ่นหนีบยาวพิเศษ
- อุณหภูมิสูงสุด 210 องศา
- แผ่นแซรามิกช่วยลดปัญหาผมชี้ฟูและปัญหาไฟฟ้าสถิต
- ไม่สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้
ถ้าหากกำลังมองหาที่หนีบผมที่ดีที่สุดที่มีน้ำหนักเบาเราขอแนะนำยี่ห้อ Philips รุ่น HP8319/ HP8321 สำหรับรุ่นนี้จะมาพร้อมกับการออกแบบที่ดูทันสมัย แผ่นหนีบทำความร้อนได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาแค่เพียง 60 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังสะดวกสบายและปลอดภัยในการใช้งานด้วยระบบ Easy Lock อีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นที่หนีบผมที่มาพร้อมกับ Essential Care ที่ช่วยให้ยืดเส้นผมได้อย่างง่ายดายและถนอมเส้นผมไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
แผ่นหนีบมีความยาวพิเศษขนาด 100 มิลลิเมตรทำให้เหยียดผมตรงได้ไวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อุณหภูมิสูงสุด 210 องศาเซสเซียล สามารถใช้งานได้กับแรงดันไฟฟ้าทั่วโลก ตัวสายสามารถปรับหมุนได้แบบ 360 องศาเพื่อป้องกันปัญหาสายไฟพันกันได้เป็นอย่างดี สายไฟมีความยาวมากถึง 1.8 เมตร มีแผ่นเซรามิกที่ปล่อยไออนประจุลบไม่ทำให้ผมชี้ฟูและไร้ไฟฟ้าสถิตอีกด้วย
6. CREATE ION
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดสำหรับผมเสีย
- ตัวเครื่องปล่อนไอออนที่ช่วยให้เส้นผมดูเงางาม อิ่มน้ำ
- ปรับอุณหภูมิได้ 8 ระดับ
- อุณหภูมิสูงสุด 220 องศาเซลเซียส
- ปุ่มควบคุมใช้งานง่าย มีจอแสดงอุณหภูมิแบบดิจิตอล
- แผ่นเซรามิกค่อนข้างสั้นกว่าที่หนีบผมยี่ห้ออื่น
สำหรับ เครื่องหนีบผม ยี่ห้อ CREATE ION รุ่น Hybrid Straight เป็นตัวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการดูแลสุขภาพผมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์สาวๆที่ประสบปัญหาผมเสียได้เป็นอย่างดี โดยมีการปล่อยไอออนที่ช่วยทำให้เส้นผมมีความเงางาม อิ่มน้ำ และดูผมสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Infrared ที่ช่วยลดความมันบนเส้นผมได้อีกด้วย
โดยมีฟังก์ชั่นที่ไม่ทำให้ที่หนีบผมกดทับเส้นผมมากจนเกินจนอาจทำให้เกิดผมลีบหรือเกิดปัญหาผมฉีกขาด เป็นรุ่นที่สามารถหนีบผมตรงให้ดูเงางามได้ สายไฟมีความยาว 2 เมตรสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ปรับความร้อนได้สูงสุด 8 ระดับ ตั้งแต่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียสไปจนถึงอุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส จอแสดงผลอุณหภูมิแบบดิจิตอล ปุ่มกดใช้งานง่าย สามารถใช้ได้ทุกวันผมไม่แห้งเสียอย่างแน่นอน
7. LESASHA – LS1180
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดสำหรับผมหยิกหยักศก
- เทคโนโลยี IONIC ลดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผมแก้ปัญหาผมชี้ฟู
- ปรับความร้อนได้สูงสุด 230 องศาเซลเซียส
- แผ่นหนีบเคลือบวัสดุอย่างดีใช้งานได้ทนทาน
- แผ่นหนีบแบบสปริงไม่ทำให้ผมขาดหลุดร่วง
- ไม่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
ถ้าหากสาวๆคนไหนมีปัญหาผมหยิกหรือผมหยักศกที่หนีบผมที่เราจะแนะนำก็คือยี่ห้อ LESASHA รุ่น LS1180 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี IONIC ซึ่งช่วยลดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผม อีกทั้งยังช่วยทำให้ผมตรงได้อย่างรวดเร็วไม่ทำให้เกิดปัญหาผมชี้ฟูอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสามารถใช้งานได้ทั้งยืดผมตรงและทำลอนได้ภายในเครื่องเดียว
มาพร้อมกับการปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 130 องศาเซลเซียสไปจนถึงอุณหภูมิ 230 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว แผ่นหนีบเป็นแบบสปริงที่จะไม่กดเส้นผมจนเกินไปทำให้ไม่เกินปัญหาผมลีบผมแบนอย่างแน่นอน อีกทั้งสายไฟยังสามารถหมุนได้แบบ 360 องศาอีกด้วย หน้าจอแสดงผลเป็นแบบดิจิตอลมีการแสดงอุณหภูมิระหว่างใช้งาน แผ่นหนีบเคลือบวัสดุนาโน เคราติน ทัวร์มาลีนที่ช่วยทำให้เส้นผมเงางามดูสุขภาพดี
8. Dyson – Corrale straightener
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดไร้สาย
- ใช้งานไร้สายได้นาน 30 นาที
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ
- ปรับอุณหภูมิได้สูงสุด 210 องศาเซลเซียส
- กระจายความร้อนได้เป็นอย่างดี
- ปุ่มกดปรับอุณหภูมิค่อนข้างเล็ก
ที่หนีบผมแบบไร้สายที่ดีที่สุดต้องยกให้ที่หนีบผมของยี่ห้อ Dyson รุ่น Corrale straightener ซึ่งเป็นเครื่องหนีบผมแบบไร้สายที่สามารถเนรมิตทรงผมได้หลากหลายลุคเลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องที่มีขนาดกำลังดีจับได้ถนัดมือ มาพร้อมกับแท่นชาร์จขนาดไม่ใหญ่มาก มาพร้อมกับนวัตกรรม Flexing Plate ที่ช่วยกระจายความร้อนบนแผ่นแม่เหล็กได้เป็นอย่างดีสามารถหนีบผมได้อย่างไหลลื่น ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย
โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งหมด 3 สเต็ป ตั้งแต่ 165 องศา, 185 องศา และ 210 องศา ตัวเครื่องออกแบบมาเป็นอย่างดีรูปร่างสวยงามน่าใช้งานเป็นอย่างมาก หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ OLED แสดงผลระดับแบตเตอรี่และอุณหภูมิ เหมาะกับการใช้งานกับเส้นผมทุกประเภทและทุกความยาว ใช้งานได้ไร้สายยาวนาน 30 นาที อีกทั้งยังมีแผ่นความร้อนที่โค้งงอช่วยให้จัดแต่งทรงผมได้ง่าย และมีระบบล็อคนิรภัยไม่ทำให้ตัวเครื่องเปิดใช้งานเอง
9. Cool a styler
เครื่องหนีบผม ดีที่สุดแบบไอน้ำ
- มีการเคลือบคอลลาเจนที่ช่วยปกป้องเส้นผมและให้ความชุ่มชื้น
- ปรับแต่งอุณหภูมิได้ 3 ระดับ
- ใช้งานได้แบบ 2 in 1
- แผ่นเซรามิกกว้างน้อย
Cool a styler เป็นที่หนีบผมที่ต้องยกให้ว่าดีที่สุดสำหรับแบบไอน้ำเลยทีเดียว โดยเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทั้งสำหรับหนีบตรงและจัดแต่งผมลอน สามารถใช้งานได้ด้วยการใช้แค่มือเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแผ่นร้อนที่เคลือบผิวด้วยเซรามิกและโปรตีนที่ช่วยดูแลไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสีย อีกทั้งแผ่นหนีบจะมีแผงลอยไม่ทำให้แนบชิดจนเกินไปเพื่อป้องกันปัญหาเส้นผมขาดหลุดร่วง
แถมยังมีคุณสมบัติที่ช่วยมาร์คผมเนื่องจากมีการเคลือบคอลลาเจนที่แผ่นร้อนเพื่อป้องกันเส้นผมเกิดความเสียหาย อีกทั้งยังช่วยลดการเสียดสี ให้ความชุ่มชื้นและบำรุงเส้นผมเป็นอย่างดี มาพร้อมกับปุ่มที่ใช้งานได้ง่ายปรับเลือกอุณหภูมได้ด้วยการใช้งานแค่ปุ่มเดียว ตั้งค่าอุณหภูมิได้ถึง 3 ระดับ คือ 170 องศา, 190 องศา และ 210 องศา เหมาะกับการใช้งานกับทุกสภาพผม
10. Nobby by TESCOM Straight Hair Iron
ที่หนีบผมตรง เหมาะสำหรับเดินทาง
- ขนาดพกพา น้ำหนักเบา เหมาะสมกับการเดินทาง
- ปรับความร้อนได้สูงสุด 190 องศาเซลเซียส
- ทำให้เส้นผมดูเงางามไม่แห้งกรอ
- ไม่เหมาะสำหรับสาวๆที่มีผมหนา
สำหรับที่หนีบผมที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางเราขอแนะนำยี่ห้อ Nobby by TESCOM รุ่น Straight Hair Iron ซึ่งเป็นที่หนีบผมที่ขายดีเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น โดยมาพร้อมกับความกว้างของแผ่นเซรามิกขนาด 20 มิลลิเมตรและความยาวขนาด 80 มิลลิเมตร ให้ความร้อนได้สูงสุด 190 องศาเซลเซียส แผ่นเซรามิกร้อนไวโดยใช้ระยะเวลาแค่เพียง 60 วินาทีเท่านั้น มาพร้อมกับระบบไฟที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก ใช้พลังงานไฟฟ้า AC 100 ถึง 240 โวลต์
มาพร้อมกับตัวเครื่องสีชมพูขนาดเล็กกะทัดรัด เปิดปิดการใช้งานได้เพียงแค่กดเลื่อนปุ่มเท่านั้น ตัวสายสามารถหมุนได้อย่างอิสระ 360 องศาเลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยถนอมเส้นผม ช่วยปกป้องเส้นผมให้ไม่โดนความร้อนมากจนเกินไปเพราะในบางครั้งอาจเกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้ หนีบแล้วผมไม่แห้งกรอบ น้ำหนักเบา ไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า พกพาไปใชที่ไหนก็สามารถทำได้ทั้งนั้น
คำแนะนำในการซื้อเครื่องหนีบผม
ฉันจะเลือกเครื่องหนีบผมที่ดีได้อย่างไร?
การตั้งค่าอุณหภูมิตัวแปร
วิธีการสังเกตว่า เครื่องหนีบผมยี่ห้อไหนดี ที่สุดหรือน่าซื้อมาใช้งานที่สุดอย่างแรกก็คือการตั้งค่าอุณหภูมิซึ่งก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพเส้นผมของแต่ละท่านก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นการที่สามารถปรับความร้อนได้จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ได้ผมที่ยืดตรงตามที่ต้องการ ที่สำคัญต้องบอกเลยว่าการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผมจะช่วยทำให้เส้นผมถูกทำร้ายน้อยลงกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากสาวๆจะเลือกซื้อที่หนีบผมสักเครื่องหนึ่ง สิ่งสำคัญก็คือดูเครื่องที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หลากหลายและมีอุณหภูมิที่เพียงพอต่อสภาพเส้นผมของทุกท่านด้วย
เทคโนโลยีไอออนิก
สำหรับเทคโนโลยีไออนิกคือเทคโนโลยีที่จะปล่อยไอออนที่มีประจุลบออกมาเพื่อเข้าไปจัดการกับความชื้นที่อยู่ในเส้นผมด้วยการล็อคความชื้นของเส้นผมให้อยู่ยาวนาน ทำให้เส้นผมดูชุ่มชื้นและดูเงางามเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากใครที่มีปัญหาผมแห้งเสีย ผมขาดง่าย ผมชี้ฟู การมองหาที่หนีบผมที่มีเทคโนโลยีไอออนิกก็จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจเพราะจะไม่ทำให้ผมเกิดการชี้ฟูหรือลีบแบนอย่างแน่นอนเพราะจะช่วยล็อคความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
จานเซรามิก
หากจะดูว่า เครื่องหนีบผมยี่ห้อไหนดี อีกหนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือจานเซรามิกซึ่งจะมีความกว้างและความยาวที่แตกต่างกันออกไป โดยจะเลือกที่มีความกว้างหรือมีความยาวขนาดเท่าไหร่ เหตุผลหลักๆก็คือลักษณะและความยาวของเส้นผม ถ้าหากมีเส้นผมที่ค่อนข้างยาวก็ควรเลือกที่หนีบผมที่มีจานเซรามิกยาวเพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย แต่ถ้าหากมีเส้นผมที่ค่อนข้างหนาให้เลือกที่หนีบผมที่มีแผ่นเซรามิกที่มีความกว้างเยอะเพื่อให้สามารถหนีบผมได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้เวลานาน ถ้าจะเลือกทั้งทีก็เลือกที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองให้ได้มากที่สุดไปเลยจะดีกว่า
ไทเทเนียม/แผ่นโลหะ
การเลือกที่หนีบผมที่มีวัสดุจากไททาเนียมหรือแผ่นโลหะก็เป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพดีเป็นอย่างมาก โดยเหมาะสำหรับสาวๆที่มีผมค่อนข้างหนาหรือเป็นคนผมหยักศก ผมหยิก ซึ่งสำหรับแผ่นไทเทเนียม จะช่วยกระจายความร้อยได้อย่างสม่ำเสมอ จัดการปัญหาเส้นผมต่างๆได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ผมหยิกและหนีบตรงค่อนข้างยอก ถ้าหากเลือกที่หนีบผมที่มีแผ่นไทเทเนียมมั่นใจได้เลยว่าผมตรง ผมดูเงาเงาอย่างแน่นอน
แผ่นเคลือบเซรามิค
การเลือกใช้วัสดุเคลือบที่ทำจากเซรามิคก็เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะทำความร้อนได้ไวกว่าวัสดุรูปแบบอื่น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ช่วยกระจายความร้อนได้เป็นอย่างดี ลดปัญหาผมแห้งเสีย อีกทั้งยังช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อนได้อีกด้วย ถ้าหากใครที่อยากหาที่หนีบผมที่ราคาไม่สูงมากจนเกินไปและใช้งานได้เหมาะสมกับทุกสภาพผม การมองหาที่หนีบผมที่ใช้งานแผ่นเคลือบเซรามิคก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
รูปทรงของที่หนีบผม
บางท่านอาจยังไม่ทราบว่าเรื่องรูปทรงของที่หนีบผมก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบันจะมีทั้งแบบแบน, แบบโค้งมน และแบบที่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด 2 แบบ
วิธีการเลือกเครื่องหนีบผมที่ดีที่สุดสำหรับประเภทผมของคุณ
ผมเส้นเล็ก
ถ้าหากเป็นคนที่มีผมเส้นเล็ก ผมบาง การเลือกที่หนีบผมจะต้องเลือกแบบที่มีแผ่นเซรามิกที่สามารถกระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากจะเป็นความร้อนที่พอเหมาะช่วยปลอบประโลมเส้นผมได้เป็นอย่างดี อ่อนโยนต่อสภาพเส้นผมไม่ทำให้เส้นผมเกิดความเสียหาย ที่สำคัญจะต้องเป็นรุ่นที่สามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่ต่ำได้เพื่อลดความเสียหายของเส้นผมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่โดนความร้อนมากจนเกินไป อีกทั้งควรเลือกรุ่นที่สามารถจับได้ถนัดมือ แผ่นเซรามิกร้อนไม่กดจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้
ผมชี้ฟู
สำหรับสาวๆคนไหนที่มีปัญหาผมชี้ฟู การเลือกที่หนีบผมที่มีเทคโนโลยีไอออนิกจะสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปล่อยประจุลบออกมาทำให้เส้นผมที่ขาดความชุ่มชื้นได้รับหยดน้ำและความชื้น โดยจะทำให้เส้นผมเรียบตรงไม่ชี้ฟูนั้นเอง โดยถ้าหากเป็นคนที่มีเส้นผมชี้ฟูที่หนีบผมควรที่จะปรับอุณหภูมิได้อย่างหลากหลายเพื่อให้ได้ระดับที่เหมาะสม เพราะถ้าหากมีเส้นผมชูฟูจะต้องใช้อุณหภูมิที่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ผมหนา
สำหรับสาวๆคนไหนที่มีเส้นผมหนา ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าจากทั้งหมด การมีเส้นผมหนาจะจัดการได้ยากที่สุด เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการหนีบผมที่ค่อนข้างนาน แต่ถ้าไม่อยากใช้เวลาไม่นานการเลือกที่หนีบผมที่มีแผ่นเซรามิกแผ่นใหญ่จะช่วยประหยัดระยะเวลาในการหนีบผมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดความเสียหายที่ต้องเจอความร้อนนานๆอีกด้วย โดยถ้าต้องเลือกให้เลือกแบบที่เป็นแผ่นโลหะที่ช่วยทำให้เส้นผมเรียบเนียนไม่แข็งทือจนเกินไปและอยู่ทรงตลอดทั้งวัน
คำถามและคำตอบ
เครื่องหนีบผมไททาเนียมดีกว่าเซรามิคหรือไม่?
สำหรับที่หนีบผมทั้งสองแบบจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยถ้าหากเป็นแบบไทเทเนียมจะมีวัสดุที่ค่อนข้างมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับคนที่เส้นผมหนาหรือว่าผมหยักศก ผมหยิก เพราะว่าเป็นที่หนีบผมที่ทำความร้อนได้สูง ทำความร้อนได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังมีความร้อนที่สม่ำเสมอตลอด ส่วนที่หนีบผมแบบเซรามิกจะทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว กระจายความร้อนได้เป็นอย่างดีช่วยลดความเสียหายของเส้นผมไม่ทำให้ผมชี้ฟูและทำให้ผมดูเงางาม ซึ่งทั้งสองแบบดีทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผมของแต่ละท่าน
เครื่องหนีบผมทำร้ายผมหรือไม่?
ในอดีตหลายๆท่านอาจเคยได้ยินว่าการหนีบผมบ่อยๆจะทำร้ายเส้นผม แต่สำหรับในเวลานี้การหนีบผมบ่อยๆจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเพราะว่าจะเทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องเส้นผมด้วยการใส่วัสดุที่ป้องกันความเสียหายให้กับเส้นผมได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น ไอออนิกซึ่งจะช่วยลดความเสียหาย ไม่ทำร้ายเส้นผม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผมดูเงางามมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย ดังนั้นถ้าถามว่าที่หนีบผมจะทำร้ายเส้นผมหรือไม่ต้องบอกเลยว่าถ้าเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยีดีๆจะไม่ทำร้ายเส้นผมอย่างแน่นอน
ถ้าหากใครที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาเส้นผมถูกทำร้ายจากการหนีบผมก็สามารถที่จะเลือกดูคุณสมบัติและเทคโนโลยีของตัวเครื่องก่อนได้เพื่อให้เลือกซื้อได้ถูกใจมากที่สุด