สำหรับไดร์เป่าผมนับว่าเป็นไอเทมคู่กายที่สาวผมยาวจำเป็นต้องมีเลย ซึ่งช่วยสร้างความสะดวกสบายเป็นอย่างมากใช้ระยะเวลาไม่นานก็ทำให้ผมแห้งได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่ในปัจจุบันไดร์เป่าผมก็มีการพัฒนาออกมาหลากหลายรูปแบบซึ่งมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงทำให้การเลือกซื้อไดร์เป่าผมเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงตัวเลือกหลากหลายอย่าง ซึ่งถ้าหากใครที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะซื้อ ไดร์เป่าผมยี่ห้อไหนดี เราก็รวบรวมตัวที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานแต่ละด้านมาฝากทุกท่านแล้วจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า
10 เครื่องเป่าผม
1. โดยรวมที่ดีที่สุด: Dyson HD08 Lazada/Shopee
2. สำหรับการเดินทาง: Create Ion- CID-S1600FPGT Lazada/Shopee
3. สำหรับน้ำหนักเบา: Xiaomi SOOCAS Hair Dryer H3S Lazada/Shopee
4. ราคาประหยัด: Philips Essential Care HP8120 Lazada/Shopee
5. สำหรับจัดแต่งทรงผม ผมดัด: Vivid & Vogue CRY 190 Lazada/Shopee
6. สำหรับ 3 in1: LESASHA 3IN1 LS1364 Lazada/Shopee
7. สำหรับเสียงเบา: Panasonic EH-NA32 Lazada/Shopee
8. สำหรับปรับได้หลายระดับ: LESASHA LS1354 Lazada/Shopee
9. แบบเซนเซอร์: PHILIPS Hair Dryer BHD510/00 Lazada/Shopee
10. สำหรับช่างทำผม: SUPER V SU 3600 Lazada/Shopee
- มองหาเครื่องม้วนผมที่เหมาะกับการใช้งาน
- รีวิวเครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับสภาพ และการใช้งาน
เครื่องเป่าผมยี่ห้อไหนดี: 10 อันดับแรกของปี 2023
1. Dyson Supersonic ™ Hair Dryer HD08
ไดร์เป่าผมโดยรวมที่ดีที่สุด
- ดีไซน์หรูหราใช้งานน่าหยิบมาใช้งาน
- มีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้ถูกเส้นผมมากจนเกินไป
- ปรับความแรงของลมได้ 3 ระดับ
- ปรับระดับความร้อนได้ 4 ระดับ
- เหมาะสำหรับผมทุกสภาพ
- ระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ
- แอร์มัลติพลายเออร์ (Air Multiplier) เทคโนโลยี ช่วยให้ผมแห้งเร็ว
- ระบบไอออนประจุลบ ช่วยลดไฟฟ้าสถิตในเส้นผม
- ด้ามจับมีฝุ่นติดเข้าไปได้ง่าย
สำหรับไดร์เป่าผมของยี่ห้อ Dyson รุ่น HD08 ต้องยกให้เป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุดเลยเนื่องจากมีการออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยดีไซน์ที่ดูหรูหราสมกับราคาที่ค่อนข้างสูง แต่คุณสมบัติต่างๆก็ใส่มาให้อย่างจัดเต็มทั้งเรื่องของการป้องกันความร้อนไม่ให้สูงจนเกินไปซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายกับเส้นผม นอกจากนี้ยังเป็นไดร์ที่สามารถปรับทิศทางของลมได้ตามที่ต้องการอีกด้วยเพราะสามารถหมุนได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว การใช้งานก็ทำได้ง่ายเพราะมีปุ่มปรับระดับแค่เพียง 4 ปุ่มเท่านั้น สามารถปรับความแรงของลมได้ทั้งหมด 3 ระดับ โดยมีระดับที่เหมาะกับทุกสภาพผมเลยทีเดียว โดยความแตกต่างจากยี่ห้อก็คือไดร์เป่าผมของ
Dyson จะมาพร้อมกับการกักกเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้เส้นผมดูนุ่มสลวยไม่แห้งจนเกินไปทำให้ดูเป็นผมที่สุขภาพดีมีชีวิตชีวา ด้ามจับถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีให้จับถนัดมือและลดการสั่นสะเทือน หัวเป่าในชุดประกอบด้วย: หัวเป่าทั่วไป เป่าแห้งและจัดทรงผมในเวลาเดียวกัน ด้วยกระแสลมเรียบและแผ่กว้างหัวจัดแต่งทรง เหมาะกับการจัดแต่งทรงผมทีละส่วน ด้วยแรงลมความเร็วสูง แม่นยำตรงจุดที่ต้องการหัวกระจายลม กระจายลมสม่ำเสมอรอบผมแต่ละลอน ช่วยลดความหยิกฟูและทำให้ลอนจับกันชัดเจนหัวเป่าลมอ่อนโยน จัดแต่งทรงผมที่รวดเร็ว แต่อ่อนโยนสำหรับผมเส้นเล็กและหนังศีรษะที่บอบบางหัวเป่า Flyaway เทคโนโลยีล่าสุดที่จะช่วยซ่อนผมบานได้ในครั้งเดียว สำหรับแต่งผมให้เรียบรื่นและเงางาม
2. Create Ion- CID-S1600FPGT
ไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทาง
- เทคโนโลยีที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผม
- พกพาได้สะดวกสบาย น้ำหนักเบา พับเก็บได้
- มีระบบสวิงแบบอัตโนมัติกระจายความร้อนได้ทั่วถึง
- มีความแรงของลมให้เลือกแค่ 2 ระดับ
สำหรับไดร์เป่าผมของยี่ห้อ Create Ion รุ่นนี้เป็นตัวที่เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นอย่างมากด้วยความที่สามารถพับเก็บได้ อีกทั้งยังมีน้ำหนักแค่เพียง 605 กรัมเท่านั้นทำให้พกพาไปตามสถานที่ต่างๆได้อย่างสะดวกสบายไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า ที่สำคัญยังเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้อีกด้วยทำให้เส้นผมดูเงางามมีสุขภาพดี
สำหรับลมจะสามารถปรับได้ทั้งหมด 2 ระดับ มีระบบปิดเครื่องแบบอัตโนมัติในกรณีที่ไม่ได้ใช้งาน หัวไดร์เป็นแบบสวิงอัตโนมัติกระจายความร้อนได้แบบอัตโนมัติทำให้ผมแห้งได้ไวมากยิ่งขึ้น เป็นรุ่นที่มีกำลังไฟ 1,600 W ตัวเครื่องเป็นสีขาวที่ดูสะอาดตาตัดกับสีทองที่ช่วยเพิ่มมูลค่าได้เป็นอย่างดี ดูสวยหรูและแพงเป็นอย่างมาก ปุ่มปรับระดับกดได้ง่ายแค่เพียงเลื่อนขึ้นลงเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความยาวของสายไฟมามากถึง 2 เมตรเลยทีเดียว
3. Xiaomi SOOCAS Hair Dryer
ไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับน้ำหนักเบา
- น้ำหนักไดร์เป่าผมแค่เพียง 550 กรัม
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ
- ปรับความแรงของลมได้ 3 ระดับ
- เทคโนโลยีกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผม
- ตัวไดร์พกพาได้ยากไม่สามารถพับเก็บได้
สำหรับใครที่เน้นน้ำหนักไดร์เป่าผมแบบเบาต้องแนะนำไดร์ของยี่ห้อ SOOCAS รุ่น H3S เลยทีเดียว เพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับน้ำหนักแค่เพียง 550 กรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเป็นพิเศษในเรื่องของการดูแลเส้นผมให้ดูสุขภาพดีไม่แห้งและกักเก็บความชุ่มชื้น อีกทั้งยังมีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่อยู่ที่ 57 องศาอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับเส้นผม
ที่สำคัญยังเป็นไดร์ที่มีพลังความแรงสูงถึง 1,800 วัตต์สามารถเป่าผมได้แห้งไวมากยิ่งขึ้น ออกแบบมาเป็นพิเศษสามารถหมุนได้ 360 องศา มาพร้อมกับโหมดในการปรับอุณหภูมิได้ทั้งหมด 3 โหมด และสามารถปรับความแรงของลมได้ทั้งหมด 3 ระดับอีกด้วย ตัวเครื่องทำจากวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยและ ABS ที่มีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ดีไซน์สวยงามหยิบจับมาใช้ได้ง่ายมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีแดง สีเขียว และสีม่วง
4. Philips – Essential Care HP8120
ไดร์เป่าผมราคาประหยัด
- กำลังไฟ 1,200 วัตต์ประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก
- ปรับระดับความแรงของลมได้ทั้งหมด 3 ระดับ
- ตั้งค่าอุณหภูมิได้ 2 ระดับ
- พกพาได้สะดวกสบายสามารถพับเก็บได้
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 600 กรัม
- อุณหภูมิไม่ค่อยเย็นจะออกไปทางอุ่นมากกว่า
Philips Essential Care HP8120 เป็นไดร์เป่าผมที่ต้องยกให้ว่าเป็นตัวที่ราคาประหยัดแต่คุณสมบัติดีเป็นอย่างมาก โดยมาพร้อมกับความแรง 1,200 วัตต์ ที่สามารถเป่าผมได้อย่างอ่อนโยน มีการตั้งค่าอุณหภูมิให้สามารถรักษาความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้ทำให้ผมดูเงางามเป็นอย่างมาก ที่สำคัญสามารถเลือกปรับระดับความร้อนได้ทั้งหมด 3 ระดับ ด้ามจับใช้งานง่ายสามารถพับเก็บได้อย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว
มาพร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัดเหมาะสมกับการพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ เป่าผมได้แห้งไวด้วยลมที่อ่อนโยนต่อเส้นผม สามารถเลือกตั้งค่าอุณหภูมิด้วยฟังก์ชั่น Thermo Protect ได้เพื่อให้สามารถใช้อุณหภูมิสูงสุดแต่ไม่ทำร้ายเส้นผม สายไฟความยาว 1.5 เมตรใช้งานได้ง่ายดาย ตัวเครื่องน้ำหนักเบาแค่เพียง 600 กรัมเท่านั้น โดยสามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้ทั้งหมด 2 ระดับ
5. Vivid & Vogue – CRY 190
ไดร์เป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับจัดแต่งทรงผม ผมดัด
- ปรับอุณหภูมิได้สูงสุด 8 ระดับ
- ปรับความแรงของลมได้ 6 ระดับ
- เทคโนโลยีรักษาความชุ่มชื้นให้ผมและหนังศีรษะ
- ระบบลมร้อนอัจฉริยะ
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
ไดร์เป่าผมของยี่ห้อ Vivid & Vogue รุ่น CRY 190 เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการจัดแต่งทรงผมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษหลากหลาย มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่ดูสวยงามเป็นอย่างมาก มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ สีดำ และสีขาว ใช้การปรับและการตั้งค่าด้วยระบบสัมผัสที่ใช้งานได้อย่างง่าย ที่ สามารถปรับอุณหภูมิได้สูงถึง 8 ระดับและสามาระปรับความแรงของลมได้ทั้งหมด 6 ระดับ
มาพร้อมกับเทคโนโลยี EHD ที่กระจายความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอทำให้ผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี จัดแต่งทรงผมได้อย่างง่ายดายแถมยังมีระบบลมร้อนอัจฉริยะที่ควบคุมความร้อนไม่ให้มากจนเกินไปเพื่อป้องกันการทำร้ายเส้นผมอีกด้วย ใช้ขดลวดเป็นรูปตัว V เพื่อให้การกระจายความร้อนมีประสิทธิภาพ และมีเทคโนโลยีที่ปล่อยประจุไออนลบเพื่อช่วยลดอาการผมแห้งและรักษาความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
6. LESASHA 3IN1 – LS1364
ไดร์เป่าผม ดีที่สุดสำหรับ 3 in1
- สามารถเลือกเปลี่ยนหัวได้ทั้งหมด 3 หัว
- ฟังก์ชั่น IONIC ลดไฟฟ้าสถิตบนหัว
- กักเก็บความชุ่มชื่นได้เป็นอย่างดี
- ใช้งานได้ง่าย
- น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม
ถ้าหากใครที่กำลังมองหาไดร์ที่สามารถใช้งานได้แบบ 3 in 1 เราขอแนะนำ LESASHA รุ่น LS1364 ซึ่งมาพร้อมกับความสวยจบในเครื่องเดียวเพราะว่าเป็นรุ่นที่สามารถเปลี่ยนหัวได้ทั้งหมด 3 หัว มีทั้งหวียืดผมตรง หวีไดร์ผม และหวีสร้างวอลลุ่ม มาพร้อมกับดีไซน์ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีด้ามจับใช้งานง่ายจับได้ถนัดมืออีกด้วย แถมยังเลือกใช้หัวแปลงที่เคลือบมาเป็นอย่างดีมีคุณสมบัติในการช่วยถนอมเส้นผมและทำให้ผมของทุกท่านดูเงางาม
เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับแกนหมุนอัตโนมัติ 360 องศา ช่วยทำให้ผมดูมีวอลลุ่มแบบเป็นธรรมชาติ ล็อคและกักเก็บความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี มี IONIC ฟังก์ชั่นที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตไม่ทำให้ผมชี้ฟูอีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถปรับความเร็วและความร้อนได้ตามที่ต้องการ น้ำหนักตัวเครื่องหนัก 1.2 กิโลกรัม กำลังไฟ 1,000 วัตต์ซึ่งใช้แล้วประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก
7. Panasonic EH-NA32
ไดร์เป่าผม ดีที่สุดสำหรับเสียงเบา
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ
- ปรับความแรงของลมได้ 2 ระดับ
- เทคโนโลยีที่ไม่ทำให้ผมชี้ฟู
- พับเก็บได้พกพาได้สะดวกสบาย
- ไม่สามารถเปลี่ยนหัวไดร์ได้
Panasonic EH-NA32-TL เป็นไดร์เป่าผมที่มีเสียงที่เบาเป็นอย่างมาก โดยเป็นรุ่นที่ออกแบบมาด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยหยิบจับได้ถนัดมือ ตัวเครื่องสามารถพับตรงด้ามจับลงมาได้เหมาะสมแก่การพกพาไปใช้งานได้ตามสถานที่ต่างๆซึ่งสะดวกสบายเป็นอย่างมาก โดยมาพร้อมกับกำลังไฟ 1,600 วัตต์ซึ่งเป่าผมได้แห้งเร็ว อีกทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ และยังมีเทคโนโลยี Heat Protection ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ใช้ความร้อนสูงจนเกินไป
สำหรับไดร์เป่าผมรุ่นนี้จะสามารถปรับแรงลมได้ทั้งหมด 2 ระดับ มีเทคโนโลยี Nanoe ที่ช่วยเพิ่มประจุลบให้กับเส้นผมไม่ทำให้ผมดูชี้ฟู อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะและเส้นผมอีกด้วย สวิตซ์ใช้งานได้ง่าย แถมด้ามจับของไดร์เป่าผมได้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้เข้าได้กับสรีระนิ้วมือเพื่อไม่ให้รู้สึกปวดข้อมือเวลาใช้งาน
8. LESASHA – LS1354
ไดร์เป่าผม ดีที่สุดสำหรับปรับได้หลายระดับ
- ปรับความเร็วของลมได้ 3 ระดับ
- จัดทรงผมให้อยู่ทรงได้ง่าย
- ดีไซน์ดูคลาสสิกผสมผสานกับความสวยงามที่ร่วมสมัย
- มี Cool shot ที่ช่วยถนอมเส้นผม
- มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
- ไม่สามารถพับเก็บได้ พกพาไม่ค่อยสะดวกสบาย
ไดร์เป่าผม LESASHA รุ่น LS1354 เป็นรุ่นที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องของการปรับได้หลายระดับเลยทีเดียว โดยสามารถปรับอุณหภูมิได้สูงสุด 6 ระดับ กำลังไฟ 2,200 วัตต์เป่าผมให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีปุ่ม Cool Shot ที่ช่วยถนอมหนังศีรษะและล็อคให้ผมอยู่ทรงสวยงาม เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับความคลาสสิกกับตัวเครื่องสีดำและมีรูปร่างที่ดูสวยงามออกแบบมาเป็นอย่างดี
โดยเป็นไดร์เป่าผมที่สามารถปรับระดับได้แล้วปากไดร์ก็ยังสามารถถอดเปลี่ยนได้อีกด้วยเพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามต้องการ ปรับความแรงของลมได้ทั้งหมด 3 ระดับ มาพร้อมกับระดับความปลอดภัยขขั้นสูงด้วยระบบที่ตัดไฟให้แบบอัตโนมัติในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น ไดร์เป่าผมยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อที่ถูกออกแบบมาอย่างมีมาตรฐานใช้งานได้อย่างหลากหลายช่วยประหยัดเวลาในการเป่าผมไปได้ตั้งเยอะเลย
9. PHILIPS – Hair Dryer BHD510/00_2300 W
ไดร์เป่าผม ดีที่สุดแบบเซนเซอร์
- ปรับความร้อนได้ทั้งหมด 6 ระดับ
- เทคโนโลยี ThermoShield ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม
- กระจายความร้อนได้ทั่วถึง
- เทคโนโลยี Mineral Lon กักเก็บความชุ่มชื้นให้เส้นผม
- ตัวไดร์พับเก็บไม่ได้ พกพาไปที่อื่นได้ยาก
สำหรับไดร์เป่าผมที่เราแนะนำว่าดีที่สุดสำหรับแบบเซนเซอร์จะต้องเป็นของยี่ห้อ PHILIPS เลยทีเดียว สำหรับรุ่น BGD510/00 ที่มาพร้อมกับกำลังไฟ 2,300 วัตต์เป็นรุ่นที่เป่าผมแห้งได้ไวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี ThermoShield ที่มีเซ็นเซอร์ซึ่งช่วยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมขณะที่ใช้งาน อุณหภูมิไม่สูงจนเกินไปอีกทั้งยังไม่ทำร้ายเส้นผมอีกด้วย โดยเป็นรุ่นที่สามารถปรับความร้อนได้ทั้งหมด 6 ระดับ
กระจายลมร้อนได้ทั่วทุกบริเวณทำให้ผมแห้งได้ไวแต่ไม่ทำร้ายเส้นผมอย่างแน่นอน แถมยังใช้เทคโนโลยี Mineral Ion ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ตัวไดร์ใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับหัวที่เปลี่ยนได้ทั้งหมด 2 หัวอยากที่จะเป่าผมในรูปแบบไหนหรือใช้สำหรับการจัดแต่งทรงผมก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ออกแบบมาด้วยสีดำที่ให้ความเรียบง่ายและดูหรูหราเป็นอย่างมาก
10. SUPER V – SU 3600
ไดร์เป่าผม ดีที่สุดสำหรับช่างทำผม
- วัสดุแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน
- กำลังไฟ 2,100 วัตต์เป่าผมแห้งได้เร็วมาก
- ปรับความร้อนได้ทั้งหมด 3 ระดับ
- ปรับความแรงของลมได้ทั้งหมด 2 ระดับ
- เสียงไดร์ขณะใช้งานค่อนข้างดัง
ถ้าอยากรู้ว่าช่างทำผมใช้ไดร์ยี่ห้อไหนเราจะพาไปดูกันว่าไดร์ที่ช่างทำผมเลือกใช้คือของยี่ห้อ SUPER V รุ่น SU3600 มาพร้อมกับดีไซน์ที่คุ้นตาหลายๆท่านอย่างแน่นอนกับสีดำที่ดูเรียบๆ โดยสามารถปรับความเร็วของลมได้ทั้งหมด 2 ระดับ อีกทั้งยังมีระบบตัดเย็นอีกด้วย ที่สำคัญมีระบบ Ion ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผมไม่ทำให้ผมชี้ฟู
ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน ใช้งานได้อย่างยาวนาน ร้อนเร็ว ร้อนไว ด้วยกำลังไฟ 2,100 วัตต์ทำให้ผมแห้งเร็วเป็นอย่างมาก สามารถปรับระดับความร้อนได้ทั้งหมด 3 ระดับ คือ ร้อนน้อย ร้อนปานกลาง และร้อนมาก และยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ป้องกันรังสี ป้องกันการโดนความร้อนลวก ช่วยเพิ่มความงดงามความเปล่งประกายให้ผมดูเงางามชุ่มชื้นสุขภาพดีอยู่
คำแนะนำในการซื้อเครื่องเป่าผม
คุณสมบัติหลักที่ต้องระวัง
เครื่องเป่าผมที่ดีที่สุดสำหรับประเภทของผมของฉันคืออะไร?
ผมบาง
สำหรับใครที่เป็นคนที่มีผมบาง ผมลีบ ผมแบน ไดร์เป่าผมที่จะเลือกใช้ควรเป็นไดร์เป่าผมแบบเซรามิกเนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผมและทำให้ผมดูหนามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถจัดแต่งทรงผมได้หลากหลายทรงอีกด้วย อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นที่ปรับระดับความร้อนของไดร์เป่าผมได้ทำให้สามารถเลือกได้ว่าต้องการความร้อนระดับไหนซึ่งทำให้ป้องกันผมเกิดความเสียหายได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ผมหนาหรือยาว
สำหรับคนที่มีผมหนาหรือมีผมยาวไดร์เป่าผมแบบไอออนิกจะเหมาะสมที่สุดเพราะผมหนาจะต้องการความร้อนและความแรงของลมมากกว่าปกติเพราถ้าหากรอให้แห้งเองจะใช้ระยะเวลามากกว่า 30 นาทีเลยทีเดียว ดังนั้นต้องเลือกไดร์เป่าผมแบบไอออนิกที่ทำให้ผมแห้งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาผมชี้ฟูได้อีกด้วยทำให้ผมคงความชุ่มชื้นและคงความเงางามเอาไว้ได้แถมยังเป่าผมแห้งได้อย่างรวดเร็วทุกสุดจากไดร์เป่าผมทุกรูปแบบ โดยถ้าหากมีผมหนาหรือยาวมากเราขอแนะนำให้เลือกไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟมากกว่า 1,800 วัตต์เป็นต้นไป
การต่อผม
ถ้าหากต่อผมมาไดร์เป่าผมที่เหมาะสมกับการใช้งานก็คือไดร์ที่สามารถตั้งค่าความร้อนได้เพราะว่าถ้าหากกำลังวัตต์มากจนเกินไปจะทำให้ผมได้รับความเสียหายได้ยิ่งผมที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษก็ต้องเลือกไดร์เป่าผมที่มีคุณสมบัติที่จะช่วยถนอมเส้นผมได้ โดยการที่สามารถปรับระดับความร้อนได้จะทำให้ดูดซับความร้อนต่างๆได้เป็นอย่างดี ปกป้องและฟื้นฟุผมให้มีความสมดุลและดูเงางามอยู่ตลอด ซึ่งถ้าหากเป็นกำลังวัตต์ที่เหมาะสมก็คือตั้งแต่ 1,200 วัตต์เป็นต้นไป
ไดร์เป่าผมต้องทรงพลังขนาดไหน?
ความทรงพลังของไดร์เป่าผมจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละท่านว่าจะนำไปใช้งานในด้านไหน โดยถ้าหากมีผมยาวผมหนาก็จะต้องใช้ไดร์เป่าผมที่มีความทรงพลังมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากว่าเป็นผมบางผมเรียบตรงอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไดร์เป่าผมที่มีความทรงพลังมาก ดังนั้นการที่จะเลือกว่าใช้ไดร์เป่าผมรูปแบบไหน กำลังวัตต์เท่าไหร่สิ่งสำคัญก็คือการดูสภาพเส้นผมของแต่ละท่านกันให้ดีก่อนเพื่อให้สามารถเลือกไดร์เป่าผมได้เข้ากับเส้นผมของท่านมากที่สุด
คำถามและคำตอบ
มืออาชีพใช้ไดร์เป่าผมอะไร?
ส่วนใหญ่ไดร์เป่าผมที่มืออาชีพใช้จะเป็นไดร์เป่าผมที่มีกำลังวัตต์สูง ความแรงของลมปรับได้หลากหลายระดับ และสามารถปรับความร้อนได้หลายรูปแบบ เนื่องจากมืออาชีพจะมีทรงผมที่ต้องทำหลากหลายรูปแบบดังนั้นจึงต้องเป็นไดร์ที่สามารถใช้งานได้อย่าครอบคลุมทำทรงผมออกมาได้หลากทรง ดังนั้นถ้าหากใครที่อยากซื้อไดร์เป่าผมตามมือชีพอาจจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าด้วยคุณสมบัติ คุณภาพ และการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบจะทำให้มีราคาที่สูงขึ้นตาม
ไดร์เป่าผมเป็นอันตรายต่อเส้นผมหรือไม่?
หลายๆคนอาจเคยได้ยินว่าไม่ควรให้เส้นผมโดยความร้อนมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ผมแห้งเสียและเกิดการชี้ฟูได้ ซึ่งทั้งหมดที่ได้กล่าวไปเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าหากว่าจะเลือกใช้ไดร์เป่าผมสักอันควรเลือกที่มีฟังก์ชั่นกำหนดอุณหภูมิได้และที่มีฟังก์ชั่นในการถนอมเส้นผม กักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผมและหนังศีรษะเนื่องจากฟังก์ชั่นต่างๆที่เราได้กล่าวไปจะทำให้ไดร์เป่าผมถนอมและไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผมอีกด้วย
ดังนั้นถ้าหากถามว่าไดร์เป่าผมเป็นอันตรายต่อเส้นผมหรือไม่ก็จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นไดร์เป่าผมรูปแบบไหนถ้าหากไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผม ถ้าหากว่าควบคุมความร้อนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติในการถนอมเส้นผมก็ไม่เป็นอัตรายอย่างแน่นอน