ปัจจุบันนี้หลายคนเลือกที่จะหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เพราะด้วยอาหารและอากาศที่มีสารพิษเจือปนบวกกับวิถีชีวิตเร่งรีบที่บั่นทอนสุขภาพ และยิ่งเจอกับวิกฤตการณ์โควิด – 19 ด้วยแล้ว หลายคนจึงมองหาผู้ช่วยที่จะทำให้สุขภาพดีหรือเป็นตัวช่วยเตือนว่าควรดูสุขภาพอย่างไร ดังนั้นบริษัท Huawei ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสูงและมีความน่าเชื่อถือสูง เพราะดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 40 ปีในประเทศไทย
ก็ได้มีสมาร์ทวอทช์หรือนาฬิกาอัจฉริยะ มาให้ทุกคนได้เลือกซื้อกัน ซึ่งมีตั้งแต่รุ่นราคาพันต้น ๆ ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมราคาหลักหมื่น แถมความพิเศษคือทางค่ายนั้นก็มีเทคโนโลยีตัวใหม่อย่าง Harmony OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการเฉพาะซึ่งสามารถใช้งานการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ ในสมาร์ทวอทช์รุ่นเรือธง ให้ได้ลองใช้งานกันอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังเล็งหา Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี อยู่ละก็ บทความนี้จะช่วยให้คุณได้คำตอบค่ะ
8 สมาร์ทวอทช์ Huawei Smart Watch
- 1. Huawei โดยร่วมที่ดีที่สุด: Huawei Watch 3 Pro Classic Lazada/Shopee
- 2. ราคาประหยัดของ Huawei : HUAWEI Band 6 wearable Lazada/Shopee
- 3. ที่ดีที่สุดอายุการใช้งานแบตเตอรี่: Huawei GT 2e Lazada/Shopee
- 4. สำหรับฟิตเนส: HUAWEI Watch Fit Lazada/Shopee
- 5. ติดตามการนอนหลับ: Huawei Band 4 Pro Lazada/Shopee
- 6. รองรับ eSIM: Huawei Watch 3 Lazada/Shopee
- 7. ที่ดีที่สุดสำหรับการวิ่ง: Huawei Watch 3 Active Lazada/Shopee
- 8. Huawei ที่มีสไตล์ที่สุด: Huawei Watch GT 2 Pro Lazada/Shopee
- นาฬิกา Garmin น่าซื้อในเดือนนี้
- สมาร์ทวอทช์รุ่นไหนดีในปีนี้
สมาร์ทวอทช์ huawei ดีไหม : รีวิว 8 Huawei Smart Watch 2023
1. Huawei Watch 3 Pro Classic Smart Watch
โดยรวมสมาร์ทวอทช์ Huawei ที่ดีที่สุด
- มีโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด
- กันน้ำได้ลึก 50 เมตร ตามมาตรฐาน 5ATM
- ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 21 วัน
- โหมดสุขภาพสามารถใช้งานการติดตามการนอนหลับ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- ความเครียด
- ใช้เทคโนโลยี eSim 4G
- หน้าจอ Amoled ขนาด 48 นิ้ว
- ใช้เทคโนโลยี Harmony OS
- ราคาค่อนข้างสูง
เริ่มกันที่สมาร์ทวอทช์ตัวท็อปของแบรนด์ อย่าง Huawei Watch 3 Pro Classic ที่เปิดตัวมาด้วยหน้าจอเรือนขนาด 48 นิ้ว สีสันสดใส คมชัด และสายหนังที่ดูหรูหราสมราคา โดยรุ่นนี้ได้นำเอาเทคโนโลยี Harmony OS มาใช้งานร่วมกับ eSIM ทำให้สมาร์ทวอทช์เรือนนี้ใช้งานได้แทบเหมือนกับสมาร์ทโฟนเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแอปพลิเคชั่น การโทรออกและรับสาย การฟังเพลง และการเชื่อมต่อที่รวดเร็วแบบไร้สายอย่างที่ Huawei ได้กล่าวไว้ และแน่นอนว่าในส่วนของการใช้งานนั้นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะสามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5ATM พร้อมโหมดออกกำลังกายถึง 100 โหมดรวมถึงโหมดการดูแลสุขภาพด้วย แถมยังใช้งานได้นานสุด 21 วัน เห็นแบบนี้ใครที่กำลังมองหาว่าจะซื้อ Huawei smart watch รุ่นไหนดี ต้องห้ามพลาดค่ะ
2. HUAWEI Band 6 wearable
สมาร์ทวอทช์ราคาประหยัดของ Huawei ที่ดีที่สุด
- ราคาย่อมเยา
- ขนาดเล็กกะทัดรัด
- กันน้ำที่ 5ATM
- เชื่อมต่อ Bluetooth
- มีโหมดออกกำลังกาย 96 โหมด
- ใช้งานโหมดสุขภาพได้หลากหลาย เช่น ติดตามการนอนหลับ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ,
- วัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้
- ใช้งานต่อเนื่องได้ 14 วัน
- ไม่มีลำโพงและไมโครโฟน จึงไม่สามารถฟังเพลงและรับสายโทรเข้าได้
สำหรับใครที่อยากลองเปิดใจใช้สมาร์ทวอทช์ Huawei ครั้งแรก และยังไม่รู้ว่าจะเลือก Huawei smart watch รุ่นไหนดี เราขอแนะนำเป็นน้องเล็กสุดของแบรนด์ อย่างรุ่น HUAWEI Band 6 wearable ตัวนี้ค่ะ เพราะด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1000 บาทนิด ๆ แต่กลับได้ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างครบครัน ทั้งในตัวโหมดออกกำลังกาย
ที่ให้มามากกว่า 96 โหมด โหมดสุขภาพก็สามารถใช้ติดตามการนอนหลับ วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้ด้วย แถมยังใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 14 วัน แต่รุ่นนี้จะใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ทำให้ผู้ใช้งานต้องพกพาสมาร์ทโฟนไปด้วยเสมอ ทั้งยังไม่มี GPS ในตัว จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ในการวัดระยะทางขณะวิ่งออกกำลังกายค่ะ
3. Huawei GT 2e Smart Watch
สมาร์ทวอทช์ Huawei ที่ดีที่สุดสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่
- มีโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด
- มีลำโพงและไมโครโฟน
- สามารถรับสายโทรเข้า
- ตอบกลับข้อความได้
- กันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5ATM
- ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 14 วัน
- โหมดสุขภาพสามารถใช้งานการติดตามการนอนหลับ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความเครียด
- มี GPS ในตัว
- รองรับการชาร์จไร้สาย
- หน้าจอ Amoled สีสด คมชัด
- ไม่มีลำโพงและไมโครโฟน
หลังจากที่เราได้แนะนำ Huawei Smart Watch ทั้งรุ่นเรือธงและรุ่นราคาประหยัดไปก่อนหน้านี้แล้ว ในหัวข้อนี้ เราจะพามารู้จักกับสมาร์ทวอทช์รุ่นกลางที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างรุ่น Huawei GT 2e Smart Watch กันบ้าง โดยรุ่นนี้ราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท แต่จัดเต็มทั้งในส่วนของดีไซน์สุดเรียบหรูและฟีเจอร์การใช้งานเด็ด ๆ ให้เลือกใช้มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นโหมดออกกำลังกาย 100 โหมด ที่เหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกาย วิ่ง หรือแม้แต่ว่ายน้ำ เพราะเป็นรุ่นที่มีทั้ง GPS ในตัวสำหรับติดตามระยะทางและสามารถกันน้ำได้ลึก 50 เมตร ตามมาตรฐานการกันน้ำที่ 5ATM อีกด้วย ส่วนโหมดสุขภาพก็สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนและติดตามการนอนหลับได้เข่นกัน และที่หลาย ๆ คนชอบใจคือสามารถรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้แถมยังใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 14 วันทีเดียว
4. HUAWEI Watch Fit
สุดยอดสมาร์ทวอทช์ Huawei สำหรับฟิตเนส
- ราคาย่อมเยา
- ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา
- มีโหมดออกกำลังกาย 96 โหมด
- หน้าจอ Amoled สีสดใส คมชัด มาพร้อมโหมด Always on
- ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 10 วัน และรองรับเทคโนโลยี Fast Charge
- สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและแคลอรี่ได้
- มี GPS ในตัว
- กันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5ATM
- ไม่สามารถวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้
หากการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพคือแพชชั่นอย่างหนึ่งในชีวิตคุณ แน่นอนว่าสมาร์ทวอทช์จะต้องเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่คุณขาดไม่ได้เป็นแน่ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำ Huawei smart watch อีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม ที่มาในราคาไม่แพงและมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง เริ่มจากฟังก์ชั่นการออกกำลังกายที่ให้มา 96 โหมด รองรับกีฬาทั้งกีฬาทางบกและทางน้ำ เพราะรุ่นนี้มี GPS ในตัว
ถูกใจสายวิ่งออกำลังกายที่ชอบเก็บสถิติ และยังกันน้ำได้ลึกในระดับ 50 เมตร ตามมาตรฐาน 5ATM ด้วย ด้านของโหมดสุขภาพแม้จะไม่สามารถวัดค่าออกเจนซิเจนในเลือดเหมือนรุ่นพี่ได้ แต่ก็แทนที่มาด้วยความสามารถในการวัดค่าแคลอรี่ ที่รับรองว่าสาว ๆ ต้องถูกใจเป็นแน่ ส่วนดีไซน์เน้นการใช้งานทีตคล่องแคล่ว ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบากะทักรัด และใช้งานต่อเนื่องได้นาน 10 วัน แม้จะเปิดโหมด Always on
5. Huawei Band 4 Pro Smart Watch
ที่ดีที่สุดสำหรับการติดตามการนอนหลับ
- ราคาย่อมเยา
- ขนาดเล็กกะทัดรัด
- น้ำหนักเบา
- หน้าจอ Amoled สีสดใส คมชัด
- สามารถวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจและติดตามการนอนหลับได้
- มี GPS ในตัว
- กันน้ำได้ตามมาตรฐาน 5ATM
- มีโหมดออกกำลังกายให้มาเพียง 11 โหมด (แต่สามารถเพิ่มเองได้
ในยุคที่โควิด 19 ยังมีอัตราการระบาดสูง ทั้งยังติดต่อกันได้ง่ายแบบนี้ อุปกรณ์อย่างสมาร์ทวอทช์ที่สามารถวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้จึงเป็นที่นิยมสูงมาก แน่นอนว่า Huawei เอง ก็มีสมาร์ทวอทช์ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนได้หลายรุ่น ซึ่งหากใครที่กำลังมองหา Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนได้ ในราคาย่อมเยา เราก็ขอแนะนำเป็น Huawei Band 4 Pro Smart Watch ตัวนี้ค่ะ เพราะด้วยราคา 2000 บาทนิด ๆ
แต่ก็ได้ฟีเจอร์ในการช่วยดูแลสุขภาพหลายอย่างทั้งการวัดค่าออกซิเจนในเลือดตามที่กล่าวไป และยังสามารถติดตามการนอนหลับได้ด้วย นอกจากนี้รุ่นนี้ยังใช้หน้าจอเป็นแบบ Amoled ที่ให้ความคมชัดสูง และมี GPS ในตัว จึงเหมาะกับคนที่ชอบวิ่งออกกำลังกาย แต่เสียดายที่ให้โหมดการออกกำลังกายมาเพียง 11 โหมดเท่านั้นค่ะ
6. Huawei Watch 3 Smart Watch
เหมาะสำหรับรองรับ eSIM : ใช้นาฬิกาโดยไม่ต้องต่อโทรศัพท์
- ใช้เทคโนโลยี eSIM.
- สามารถรับสายหรือโทรออก
- รวมถึงเชื่อมใช้งานแอปพลิเคชันได้หลากหลาย
- มี GPS ในตัว
- สามารถฟังเพลงและสร้างเพลย์ลิสต์ได้
- มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก 100 โหมด
- สามารถติดตามการนอนหลับ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้
- ใช้งานโหมดอัจฉริยะต่อเนื่องได้นาน 3 วัน (โหมดทั่วไปใช้ได้นาน 14 วัน)
- ราคาค่อนข้างสูง
สำหรับ Huawei smart watch รุ่น Watch 3 นี้ นับเป็นอีกรุ่นสุดล้ำของแบรนด์ ที่ได้นำเอาเทคโนโลยี eSIM มาเป็นตัวชูโรง ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานที่กำลังมองหา Huawei smart watch รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์เรื่องของการใช้งานเพื่อสุขภาพควบคู่กับการติดต่อสื่อสารอย่างลื่นไหลได้อย่างดี ได้มีตัวเลือกที่น่าสนใจในราคาที่ถูกกว่ารุ่นอื่น ๆ โดยนอกจากเรื่องของ eSIM แล้ว รุ่นนี้ยังสามารถใช้ตรวจวัดค่าต่าง ๆ ในร่างกายได้ ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
การวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด และการติดตามการนอนหลับ ส่วนในโหมดออกกำลังกายก็มี GPS ในตัว ที่สามารถติดตามระยะทางตลอดจนมีโหมดแนะนำการออกกำลังกายให้มากกว่า 100 โหมดด้วย แม้ว่าการเปิดโหมดอัจฉริยะจะทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานเพียง 3 วัน แต่หากเทียบกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จัดเต็มมาให้ก็นับว่าเป็นรุ่นที่ไม่ควรพลาดค่ะ
7. Huawei Watch 3 Active Smart Watch
Huawei Smart Watch ที่ดีที่สุดสำหรับการวิ่ง
- ใช้เทคโนโลยี eSIM.
- สามารถรับสายหรือโทรออก
- รวมถึงเชื่อมใช้งานแอปพลิเคชั่นได้หลากหลาย
- มี GPS ในตัว
- กันน้ำได้ในระดับมาตรฐาน 5ATM
- สามารถฟังเพลงและสร้างเพลย์ลิสต์ได้
- มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก 100 โหมด
- สามารถติดตามการนอนหลับ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้
- ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 14 วัน
- หน้าจอ Amoled สีสด คมชัด
- ราคาค่อนข้างสูง
Huawei Watch 3 Active Smart Watch ถือเป็นรุ่นในตระกูล Watch 3 ที่ออกแบบมาเพื่อคนที่รักการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการวิ่ง เนื่องจากเป็นสมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมกับ GPS ในตัว สามารถใช้วัดระยะทางในการวิ่ง และสามารถใช้เป็น GPS ในการดูแผนที่ได้อีกด้วย และใครที่ชอบฟังเพลงในขณะวิ่งออกกังกายจะต้องชอบใจแน่นอน เนื่องจากรุ่นนี้ได้นำเอาเทคโนโลยี eSIM ซึ่งจะสามารถใช้งานโหมดการเล่นเพลง
สร้างเพลย์ลิสต์และอัปโหลดแอปพลิเคชั่นได้เหมือนในสมาร์ตโฟนเลยทีเดียว ที่สำคัญคือสามารถรับสายโทรเข้า และสามารถโทรออกได้ด้วย ตัวเรือนออกแบบให้มีรูปลักษณ์ในแนวสปอร์ต ที่มีหน้าปัดเป็นจอ Amoled คมชัด สีสด ส่วนโหมดสุขภาพนั้นก็จัดเต็มทั้งการวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจน โหมดติดตามการนอนหลับและการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
8. Huawei Smartwatch Watch GT 2 Pro
สมาร์ทวอทช์ของ Huawei ที่มีสไตล์ที่สุด
- ดีไซน์เรียบหรู
- รองรับการชาร์จไร้สาย
- มี GPS ในตัว และโหมดบอกเส้นทางแม่นยำ
- มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก 100 โหมด
- มีโหมดกอล์ฟและสกี
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจและความเครียดได้
- ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 14 วัน
- ราคาค่อนข้างสูง
ปิดท้ายกันด้วยสมาร์ทวอทช์ Huawei ดีไซน์หรูหราที่หน้าปัดทำจากแซฟไฟร์และไทเทเนียม ในราคาไม่ถึงหมื่น ที่มาพร้อมกับโหมดการออกกำลังกายกว่า 100 โหมด แถมมีโหมดกอล์ฟและสกีให้ด้วย รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มี GPS ในตัว และสามารถใช้งานเป็นแผนที่ซึ่งมีความแม่นยำสูง และสามารถพยากรณ์อากาศได้ จึงช่วยให้คุณอุ่นใจแม้ต้องเดินทางไปต่างสถานที่
ในส่วนโหมดสุขภาพนั้นให้ตัววัดอัตราการเต้นของหัวใจและวัดค่าความเครียดมา แต่ไม่มีการวัดค่าออกซิเจนในเลือด และที่หลาย ๆ คนถูกใจคือรุ่นนี้สามารถรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ แถมใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 14 วัน จึงเหมาะมากกับใครที่กำลังมองหา Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์
คู่มือการซื้อ Huawei Smart Watch
Huawei เป็นแบรนด์สมาร์ทวอทช์ที่ดีหรือไม่
เราอาจจะคุ้นเคยกับ Huawei ในฐานะแบรนด์สมาร์ทโฟนจากฝั่งจีน ที่ขึ้นชื่อเรื่องของกล้องถ่ายภาพระดับโปรและฟีเจอร์การใช้งานสุดล้ำ แต่จริง ๆ แล้ว Huawei มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยอย่างหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือสมาร์ทวอทช์ ซึ่งก็เปิดตัวออกมาให้เลือกใช้งานกันมากกว่า 10 รุ่น ด้วยความที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเบอร์ต้น ๆ ของเอเชีย
และยังสามารถเข้าไปตีตลาดโลกได้ ด้วยการมุ่งมั่นพัฒนาทั้งระบบปฏิบัติการอย่าง Harmony OS และฟีเจอร์ในการใช้งานล้ำสมัยอย่างการนำเอา eSIM มาไว้ในสมาร์ทวอทช์เป็นแบรนด์แรก ๆ ของโลก แบบนี้ใครที่กำลังมองหาว่าจะซื้อ Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี ก็วางใจได้เลยว่าคุณจะได้สมาร์ทวอทช์แบรนด์ชั้นนำที่น่าเชื่อถือและมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาสุดคุ้มค่า
Harmony OS ของ Huawei คืออะไร
สำหรับใครที่เป็นสายเทคอยู่แล้ว คงเคยได้ยินชื่อระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Harmony OS ของค่าย Huawei กันมาแล้ว แต่หากใครที่ยังไม่ทราบว่า Harmony OS คืออะไร วันนี้เราจะพามาไขข้อข้องใจกันค่ะ Harmony OS คือระบบปฏิบัติการในอุปกรณ์การสื่อสารตัวใหม่ล่าสุด ที่ทางค่าย Huawei เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา
โดยจะคล้าย ๆ กับระบบปฏิบัติการ Android และ OS ที่เราใช้งานกันในปัจจุบัน แต่ Harmony OS จะสามารถใช้งานแบบไร้รอยต่อ และยังเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิดหรือ Open Source ที่นักพัฒนาโปรแกรมสามารถนำไปต่อยอดเขียนโปรแกรมต่าง ๆ ได้ และโปรแกรมหรือแอปนั้นก็จะสามารถรันในระบบปฏิบัติการได้ทุกระบบโดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็น Android และ OS นั่นเอง
วิธีเลือกนาฬิกาอัจฉริยะของ Huawei
หลังจากที่ได้รู้จักกับสมาร์ทวอทช์แบรนด์ Huawei กันไปคร่าว ๆ แล้ว ต่อจากนี้เราจะพาไปเจาะลึกในส่วนของวิธีการเลือกซื้อ Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี แบบจัดเต็มกันค่ะ
ออกแบบและสร้างคุณภาพ
ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ชนิดใด แน่นอนว่าเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่ดึงดูดและตรงกับสไตล์ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ และสำหรับ Huawei Smart Watch ก็ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน เพราะทางแบรนด์ได้ออกแบบสมาร์ทวอทช์แต่ละรุ่นได้สวยงาม ทันสมัย และยังมีหลายลุคให้เลือก เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของแต่ละคนด้วย เช่น ดีไซน์สปอร์ตที่จะมีในสมาร์ทวอทช์เน้นการออกกำลังกาย และมีน้ำหนักเบา มีความทนทานและใช้งานต่อเนื่องได้นานหลายวัน หรือจะเป็นดีไซน์เรียบหรูที่เหมาะกับลุคผู้ใหญ่วัยทำงาน
ที่รักสุขภาพและต้องการสวมใส่เพื่อใช้ทำงานหรือท่องเที่ยวได้ด้วยเป็นต้นนอกจากเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว คุณสมบัติก็คืออีกตัวเลือกสำคัญที่ไม่ควรมองห้าม โดยทาง Huawei Smart Watch เองก็มีฟีเจอร์ในการใช้งานมากมาย ทั้งโหมดออกกำลังกาย โหมดสุขภาพ การสื่อสาร และการฟังเพลง ซึ่งหากใครที่อยากรู้ว่าควรเลือก Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ในอันดับสินค้าที่เราแนะนำไปก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
แบตเตอรี่หรือระยะเวลาในการใช้งานต่อเนื่องของสมาร์ทวอทช์ เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกการตัดสินใจว่าควรจะซื้อ Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี เนื่องจากบางคนต้องการสวมใส่ไปนอกสถานที่ เช่น การเดินป่า หรือออกแคมป์ เป็นเวลานานหลายวัน และต้องการวัดค่าต่าง ๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ หรือระยะทางที่เดิน ซึ่งสำหรับสมาร์ทวอทช์นั้นจะมีระยะเวลาการใช้งานจำกัด เพราะแบตเตอรี่มีความจุน้อย ทั้งยังต้องใช้งานหลายหมวดหมู่ด้วยกัน โดย Huawei Smart Watch จะมีระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 14 วัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณเปิดใช้งานโหมดไหน และในบางรุ่นที่มีการเปิดใช้งานโหมดอัจฉริยะจะใช้งานเต็มที่ได้ 3 วันค่ะ
คุณสมบัติยอดนิยม
สมาร์ทวอทช์ไม่เพียงแค่เป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่ใช้วัดค่าการออกกำลังกายเท่านั้น แต่หลาย ๆ รุ่นยังสามารถใช้บอกแนวโน้มเรื่องของสุขภาพได้จากการเก็บข้อมูลและนำสถิติที่ได้มาประเมิน เพื่อดูว่าสุขภาพของคุณเป็นอย่างไร และควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับการมีสุขภาพที่ดีหรือไม่
ตัวนับขั้นตอน
คุณสมบัติเรื่องการวัดระยะทางมักจะมีในสมาร์ทวอทช์สำหรับออกกำลังกาย โดยรุ่นนั้นจะต้องมีโหมด GPS ด้วย เพื่อติดตามระยะทางได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องใช้แอปในสมาร์ทโฟนช่วย นอกจากคุณสมบัติการวัดระยะทางแล้ว คนที่ออกกำลังกายหลายคนยังมองหาคุณสมบัติในการเล่นเพลงด้วย ซึ่งสำหรับ Huawei Smart Watch เอง ก็มีหลายรุ่นที่รองรับฟีเจอร์นี้ โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้เทคโนโลยี eSIM จะสามารถเลือกดาว์นโหลดแอปพลิเคชันได้ และยังสามารถเล่นเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วยค่ะ
เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ฟังก์ชันสุดฮิตสำหรับสมาร์ทวอทช์ของสายสุขภาพอย่างการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็กลายมาเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานหลายคนมองหา เพราะนอกจากใช้วัดชีพจรได้แล้ว สมาร์ทวอทช์ยังนำข้อมูลที่ได้มาประเมินผลว่าคุณควรออกกำลังกายหรือพักผ่อนมากน้อยแค่ไหน ให้ร่างกายมีความสมดุลและสุขภาพดี
เครื่องวัดการนอนหลับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่กำลังมาแรงอย่างการวัดการนอนหลับ ก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันโรคของการนอนเป็นโรคที่รักษายากและมีคนเป็นมากขึ้น เรื่อย ๆ เพราะด้วยพฤติกรรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น บางคนชอบดูมือถือก่อนนอน บางคนชอบกินจุก่อนนอน หรือบางคนชอบนอนดึก
ทำให้สุขภาพการนอนไม่ดีเท่าที่ควร และเมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น จนพลอยให้ทั้งการงานและการใช้ชีวิตต้องแย่ลงตามไปด้วย ดังนั้นสมาร์ทวอทช์ที่มีโหมดติดตามการนอนหลับจะตรวจสอบสุขภาพการนอนของคุณและประเมินออกมาเป็นกราฟ เพื่อให้คุณได้วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่คุณไม่สดชื่นตลอดวันเกิดจากการนอนหรือไม่ และควรแก้ไขอย่างไร
สมาร์ทวอทช์ไฮบริดคืออะไร
สำหรับคนที่ชอบสวมนาฬิกาข้อมืออยู่แล้ว เมื่อเปลี่ยนมาใช้งานเป็นสมาร์ทวอทช์อาจจะดูขัด ๆ อยู่บ้าง เนื่องจากหน้าจอของสมาร์ทวอทช์บางรุ่นที่ไม่ได้มีโหมด Always On หรือโหมดแสดงหน้าจอตลอดเวลา ทำให้รู้สึกว่าสมาร์ทวอทช์ไม่เหมือนนาฬิกาข้อมือแบบเดิม อีกทั้งทั้งสายตัวเรือนก็ไม่เหมือนนาฬิกาข้อมืออีกด้วย
ดังนั้นจึงมีการพัฒนาสมาร์ทวอทช์ไฮบริด เพื่อให้ตอบโจทย์คนที่อยากได้สมาร์ทวอทช์ในโฉมของนาฬิกาข้อมือ นั่นคือเป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ใช้งานได้เหมือนสมาร์ทวอทช์ทั่วไป แต่ดีไซน์ภาพนอกมีทั้งสาย หน้าปัด และเข็มนาฬิกาแบบอนาล็อก แต่ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาจึงอาจจะยังมีตัวเลือกไม่มากและราคายังสูงอยู่ค่ะ
คำถามและคำตอบ
Huawei ผลิตขึ้นที่ไหน
Huawei เป็นแบรนด์ที่มาจากประเทศจีน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยกับการเห็นผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน สมาร์ทวอทช์ หรือแท็บเล็ต แต่จริง ๆ แล้วบริษัท Huawei ดำเนินกิจการด้านการให้บริการโทรคมนาคมระดับโลก ถือเป็นหนึ่งในบริษัทสัญชาติเอเชียเบอร์ต้น ๆ ที่สามารถเปิดตลาดได้ในระดับสากล ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุปกรณ์เครื่องใช้ภายใต้แบรนด์ Huawei ออกมาให้ได้เลือกใช้งานกันอย่างหลากหลาย
ฉันจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ Huawei เพื่อใช้สมาร์ทวอทช์ของ Huawei หรือไม่
เมื่อคุณมีคำถามว่าจะซื้อ Huawei Smart Watch รุ่นไหนดี เชื่อว่าหลายคนจะยังสงสัยอยู่ว่าจำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟนของ Huawei ด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องบอกว่าไม่จำเป็นเลยค่ะ เนื่องจากในตอนนี้ Huawei Smart Watch หลายรุ่นใช้ระบบปฏิบัติการเป็น Android ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน Android ได้ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และสำหรับระบบปฏิบัติการ Harmony OS ที่พัฒนาขึ้นโดย Huawei เองก็ไม่จำเป็นที่ต้องใช้สมาร์ตโฟน Huawei หรือกังวลว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนระบบปฏิบัติการใดเลย เพราะ Harmony OS สามารถเชื่อมต่อได้ทุกระบบปฏิบัติการนั่นเอง