9 ทรีทเม้นท์ หมักผม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024

มลภาวะต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในแต่ละวันไม่เพียงแต่ทำร้ายผิว และต้องก็สามารถทำร้ายเส้นผมได้เหมือนกัน รวมถึงใครที่เป็นผู้ที่มีความชอบ หรือความจำเป็นต้องย้อมผมบ่อย ๆ ผมต้องเจอกับสารเคมี อาจทำให้เส้นผมถูกทำร้ายได้อีกเช่นกัน ซึ่งวิธีการดูแลเส้นผมนอกเหนือจากการเข้าร้านทำผม ทำสปาผม 

คุณก็สามารถดูแลเส้นผมด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แถมในราคาประหยัดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่าง ๆ วันนี้เองเราจึงอยากมาแนะนำ ครีมหมักผมที่ดีที่สุด ในหลากหลายประเภทให้ทุกคนได้เลือกสรรสูตรที่เหมาะกับตนเองไปใช้

9 ทรีทเม้นท์หมักผม

1. สำหรับผมทุกประเภทOLAPLEX No.3  Lazada/Shopee
2. ราคาไม่แพงที่ดีที่สุด
BSC Hair Care Lazada/Shopee
3. สำหรับผมร่วงที่ดีที่สุดKERASTASE  Lazada/Shopee
4. ดีที่สุดสำหรับผมแห้งชี้ฟูTRESemmé Lazada/Shopee
5. ดีที่สุดสำหรับผมแห้งเสียTHE Body Shop  Lazada/Shopee
6. ดีที่สุดสำหรับ Split Ends: Dove Lazada/Shopee
7. ดีที่สุดสำหรับผมทำสีKERASTASE Lazada/Shopee
8. ดีที่สุดสำหรับการรักษาหนังศีรษะ: BRIOGEO Lazada/Shopee
9. ดีที่สุดสำหรับผมเสียจากความร้อน: Shiseido Fino Lazada/Shopee

รีวิวทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดีที่สุดในปี 2024

1. OLAPLEX – No.3 Hair Perfector

ทรีทเม้นท์ที่ดีที่สุดสำหรับผมทุกประเภท

ข้อดี
  • เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิค ปราศจากสารก่อนการแพ้ 
  • เสมือนได้รับการบำรุงจากร้านซาลอน
  • เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม
ข้อเสีย
  • ราคาสูง

หากใครคุ้นหน้าคุ้นตา OLAPLEX แบรนด์นี้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจริง ๆ ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อที่นิยมใช้ในร้านทำผมชื่อดังหลายร้าน หากคุณเลือกผลิตภัณฑ์นี้ไปใช้บวกกับซื้อครบเซตของผลิตภัณฑ์นี้ ก็เสมือนการดูแลเส้นผมที่ไปทำที่ร้านกันเลยที่เดียว ซึ่งผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์สูตรเข้มข้นตัวนี้ ทางแบรนด์เคลมว่าเหมาะกับทุกสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมแห้ง แตกปลาย ผมปกติ ผมมัน ผมทำสี ผมเสีย สามารถใช้ได้ทั้งนั้น เมื่อใช้แล้วเส้นผมก็จะได้รับการบำรุงและฟื้นฟู ทำให้ผมดูแข็งแรง นุ่มลื่น เงางาม แลดูสุขภาพดีเป็นธรรมชาติ

เส้นผมที่ว่าเสียกลับมาดูเป็นปกติขึ้น และยังแข็งแรงไม่ต้องกังวลว่าจะกลับมาเสียได้ง่าย ๆ ด้วยคุณประโยชน์จากสาร anti-oxidant  เป็นสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ซัลเฟต หรือสารเคมีอื่นใดที่จะตกค้างในเส้นผม และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ และไม่ทดสอบในสัตว์ทอดลองตามหลักของผลิตภัณฑ์ที่ได้เครื่องหมาย Clean at Sephora เลย เรียกได้ว่าหากใครอยากดูแลเส้นผมแบบคลีน ๆ ต้องลองหยิบผลิตภัณฑ์นี้ไว้ในตะกร้าด้วยเลย

2. BSC Hair Care – Glossy Hair Treatment Wax

ทรีทเม้นท์ผมราคาไม่แพงที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • เหมาะกับผมแห้งเสีย
  • ราคาถูก สบายกระเป๋า
  • มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ 
  • ใช้เวลาหมักผมน้อยกว่าสูตรอื่น ๆ 
ข้อเสีย

คนที่กำลังเจอปัญหาผมแห้งเสียต้องการการจัดการอย่างเร่งด่วน แต่งบประมาณในการดูแลเส้นผมมีอยู่อย่างจำกัด ต้องนึกถึงทรีทเม้นท์กล๊อซซี่ตัวนี้ เป็นครีมทรีทเม้นท์ที่อุดมไปด้วยน้ำมันสารสกัดจากดอกคาเมเลียหรือดอกสึบากิ ที่เหล่าสาว ๆ ชาวญี่ปุ่นใช้ดูแลเส้นผม เพราะด้วยคุณสมบัติในการต้านสารอนุมูลอิสระทำให้ช่วยทำให้ผมดูแข็งแรง เงางาม ช่วยทำให้เส้นผมมีความยืดหยุ่นไม่ขาดง่าย 

พร้อมทั้งเส้นผมไม่พันกัน แถมด้วยโปรตีนจากข้าวบาร์เลย์ ผสานกับพลังของ hya-moist จากอนุพันธ์ชอง hyaluronic acid ที่ช่วยซ่อมแซมเส้นผมให้มีเกราะป้องกันที่แข็งแรง ยิ่งทำให้ทั้งเส้นผมและหนังศีรษะมีความชุ่มชื่นยาวนาน ผมดูนุ่มลื่น ทิ้งตัวแบบสวย ๆ เวลาใช้นอกจากสัมผัสของเนื้อครีมที่นุ่มละเอียด ลื่น ชโลมง่ายแล้ว ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และใช้เวลาหมักครั้งละอย่างน้อย 2 นาทีก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแล้ว พอหมักเสร็จเป่าผมแห้งสามารถสะบัดผมปลิวไสวพร้อมกลิ่นหอมดึงดูดความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

3. KERASTASE – Genesis MASQUE

ครีมรักษาผมร่วงที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • มีสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผม
  • เหมาะกับคนมีปัญหาผมร่วง
ข้อเสีย
  • ราคาสูง

ต่อกันด้วยด้วยมาส์กบำรุงผมที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางในระดับที่ยังไม่รุนแรง และมีปัญหาผม เปราะบางขาดง่ายระหว่างเส้นแค่หวี แค่เอามือสางผมก็ขาดติดมือมาได้ เพราะเจ้ามาส์กบำรุงผมสูตรนี้ จะช่วยชะลอไม่ให้ผมขาดหลุดร่วงไปแพร่ไปหลายบริเวณ และเมื่อใช้ก็จะรู้ว่ามันสามารถลดผมขาดหลุดร่วงได้อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะได้อีกด้วย ในมาส์กสูตรนี้มีส่วนประกอบหลักที่ช่วยผสานคุณประโยชน์บำรุงผมอย่าง

สารสกัดจากดอกเอเดลไวส์  ที่ช่วยคงความสมดุลของคอลลาเจนบนหนังศีรษะ รวมทั้งยังมีรากขิงมาดากัสการ์ ที่ช่วยปกป้องไม่ให้เส้นผมถูกมลภาวะทำร้าย และสาร Aminexil 1.5% ช่วยให้รากผมยึดเกาะหนังศีรษะได้อย่างดี ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ เนื้อของมาส์กเข้มข้น แต่มีความบางเบาไม่ทิ้งความมันไว้บนเส้นผม เส้นผมดูมีน้ำหนัก นุ่มเงางามจัดทรงง่าย หมดกังวลเรื่องเส้นผมเปราะ ผมร่วงจากการทำสี ต่าง ๆ ไปได้เลย

4. TRESemmé – Keratin Smooth

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุด ผมแห้งชี้ฟู

ข้อดี
  • เหมาะกับผมแห้งชี้ฟู ขาดเคอราตินในเส้นผม
  • ทำให้ผมนุ่มลื่นดูดี ยาวนานถึง 48 ชั่วโมง
  • ราคาคุ้มค่ากับผลลัพธ์
ข้อเสีย

อีกหนึ่งยี่ห้อครีมบำรุงผมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต่าง ๆ จากแบรนด์นี้ก็มีร้านทำผมเลือกใช้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ เทรเซเม่ โดยมาส์กสูตรนี้เป็นมาส์กที่ช่วยเสริมสร้างเคอราตินในเส้นผมช่วยให้เส้นผมแข็งแรงแบบเส้นต่อเส้น ดูเงางาม นุ่มลื่น ผมสลวย มีน้ำหนัก ไดร์แห้งแล้วใด ๆ จะสะบัดผมปลิวไปกี่รอบ ผมก็ยังทิ้งตัวลงสวย ๆ ไม่ชี้ฟู ซึ่งทางแบรนด์ยังเคลมไว้อีกว่า ทำให้ผมดูดีดูสวยแบบที่กล่าวมา ได้ยาวนานถึง 48 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

เพราะผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของเคอราติน และสารสกัดน้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผม อีกทั้งยังได้ผ่านการทดสอบด้านประสิทธิภาพ โดยทดสอบกับปอยผมในห้องปฏิบัติการยูนิลิเวอร์อังกฤษ แล้วด้วย เรียกได้ว่าเหมาะกับคนที่มีปัญหาผมแห้งชี้ฟูเป็นอย่างมาก ยิ่งหากประหยัดเงินประหยัดเวลาไม่เข้าทำทรีทเม้นท์ไปที่ร้านซาลอน เจ้าครีมบำรุงผมตัวนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอนต้องทดเก็บไว้ในใจเป็นรายการน่าซื้อต่อไป

5. THE Body Shop – Shea ButterHair Mask 

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุด ผมแห้งเสีย

ข้อดี
  • วัตถุดิบจากธรรมชาติ
  • สารสกัดจากธรรมชาติในสูตร
ข้อเสีย
  • ตัวครีมเข้มข้นล้างออกค่อนข้างยาก

เอาใจสายออร์กานิคกันต่อด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผมแห้งเสีย จากแบรนด์ที่โด่งดังด้านผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่เน้นแหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% และไม่มีการทดลองในสัตว์ อย่างของ The Body Shop มาส์กบำรุงผมค็อกเทลสูตรเข้มข้นนี้ มีสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อเส้นผมหลากหลายชนิดรวมอยู่ พร้อมกับสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเชียบัตเตอร์, น้ำมันมะพร้าว, โกโกบัตเตอร์ และ น้ำมันมะกอก

ที่ล้วนมีสรรพคุณในการเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม จากเส้นผมที่แห้งเสียถูกทำลายได้รับการฟื้นฟูพิเศษจากกรดไขมันที่มาจากสารสกัด ลดการสูญเสียน้ำออกจากเส้นผม เสมือนล็อคความชุ่มชื่น แต่ไม่ดูมัน ผมดูนุ่มลื่น มีน้ำหนัก  เส้นผมดูสุขภาพดี และยังจัดทรงง่าย เวลาใช้จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสารสกัดจากธรรมชาติในสูตร รู้สึกผ่อนคลายเวลามาส์กผมไปด้วย มาส์กเพียง 5 นาทีล้างออกก็จะเห็นผล แต่ถ้าใครที่ผมแห้งเสียมาก มาส์กตัวนี้ก็สามารถมาส์กทิ้งไว้ข้ามคืนได้อีกด้วย

6. Dove – Treatment Mask Intense Repair

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุดสำหรับ Split Ends

ข้อดี
  • ราคาจับต้องได้
  • เหมาะกับทุกสภาพผม โดยเฉพาะผมแห้งเสีย ชี้ฟู แตกปลาย
ข้อเสีย
  • ตัวครีมเข้มข้นล้างออกค่อนข้างยาก

หลายคน แม้จะไม่ได้ทำสีผม แต่การออกไปทำงานบ่อย ๆ ทางกลางมลภาวะ ทั้งแสงแดดและฝุ่นควัน ก็มักจะพบปัญหาผมแตกปลายก็เป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คน มันทำให้รู้สึกไม่มั่นใจไม่ว่าจะตอนมัดผม หรือจะปล่อยผม พยายามหลบหนีด้วยการมัดผมเป็นทรงดังโงะเพื่อปกปิด ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ต้องหลบหลีกอีกต่างไปด้วยครีมที่ช่วยฟื้นบำรุงผมอย่างล้ำลึกของโดฟที่มาในราคาเป็นกันเองสุด ๆ 

ด้วยเทคโนโลยีในสูตรอย่าง เคราติน รีแพร์ แอ็คทีฟ ที่ช่วยให้ผมแข็งแรง ลดการเปราะขาดได้ถึง 10 เท่า  ใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งก็เห็นผลได้ชัดเจน ครีมสูตรนี้ ช่วยบำรุงผมได้อย่างล้ำลึกตั้งแต่โคนผมจรดปลายผม ตัวผลิตภัณฑ์เข้าไปภายในเส้นผม เติมโปรตีน ด้วยโปรตีนจากข้าวสาลี ทำให้ให้เส้นผมแข็งแรงและได้รับการฟื้นฟู ป้องกันเส้นผมถูกทำร้าย จากความร้อนแสงแดดใด ๆ ได้ในอนาคต สามารถใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผมแม้ผมเสียชี้ฟูแตกปลายก็สามารถใช้ได้ และจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน

7. KERASTASE – Masque Chromatique

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุดสำหรับผมทำสี

ข้อดี
  • เหมาะกับผมทำสี ผมแห้งเสีย
  • มีสารที่ช่วยปกป้องผมไม่ให้ทำให้เม็ดสีดูซีดจาง และช่วยทำให้สีผมดูชัดเจน ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อเสีย

มาต่อกันที่สูตรมาส์กบำรุงผมที่บุคคลผู้ที่ชื่นชอบการเปลี่ยนสีผมเป็นชีวิตจิตใจจะต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะมาส์กบำรุงผมตัวนี้ เกิดมาเพื่อผู้มีปัญหาจากการทำสีผม เช่น ทำออกมาแล้วสีผมดูแบบไม่ชัดจาง ๆ ดูไม่โดดเด่นขึ้นมาเหมือนในภาพปก พอทำแล้วเส้นผมถูกทำลาย สูญเสียความชุ่มชื้น เป็นต้น ด้วยสูตรนี้ มีการใช้นวัตกรรมซิสเต็ม แคปเจอร์ แอดวานซ์ ผสมกับส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติบำรุงเส้นผมทั้งโซเดียม ซิเตรท และสารสกัดเข้มข้นจากผลส้ม ยูสุ 

ที่จะช่วยทำให้เม็ดสีที่ย้อมผมนั้นไม่ถูกทำลายได้โดยง่าย สีผมจะดูเปล่งประกายเงางาม สีชัดเจน แถมยังช่วยชะลอไม่ให้สีผมซีดเร็ว รวมถึงยังมีส่วนผสมของ rice bran oil ที่ช่วยบำรุงเข้าไปถึงไฟเบอร์ในเส้นผม ให้เส้นผมแข็งแรงมีความยืดหยุ่น พร้อมกับ วิตามินอี และสารที่มีคุณสมบัติ UV filter บวกกับ zinc gluconate ที่ช่วยปกป้องเม็ดสีไม่ให้ถูกทำลาย  ช่วยรักษาสมดุลเม็ดสี ให้เม็ดสีคงอยู่ได้นานสีชัดเหมือนวันแรกที่เราทำสีผม

8. BRIOGEO – Scalp Revival Mask

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาหนังศีรษะ

ข้อดี
  • เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิค มีสารสกัดจากธรรมชาติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
  • เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม บำรุงไปถึงหนังศีรษะ 
  • มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น
ข้อเสีย

อีกหนึ่งมาส์กบำรุงผมที่มาพร้อมกับส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิดได้รับเครื่องหมาย Vegan และ ไม่ทดลองในสัตว์ไปอีกแบรนด์ ราคาผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะค่อนข้างสูง แต่รับรองเรื่องความเลอเลิศในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ แก้ปัญหาผู้ที่มีอาการคันตามหนังศีรษะ แสบระคายเคือง และรวมถึงมีหนังศีรษะลอกเป็นขุย ๆ ทำให้หลายคนที่มีปัญหานี้กลายเป็นคนที่เสียบุคลิก บั่นทอนความมั่นใจ มาแก้ปัญหากันด้วยมาส์กสูตรนี้กันดีกว่า จากส่วนผสมของถ่านบินโจตัน ที่จะช่วยดึงงเอาเหล่าสิ่งสกปรกคราบไขมันต่าง ๆ ออกมาจากหนังศีรษะ

ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่ชั้น follicle ของหนังศีรษะ เป็นการดีท็อกซ์หนังศีรษะอย่างคลีน ๆ มาพร้อมกับ Tea tree oil, Peppermint oil และ Spearmint oil ที่ทำให้ตอนใช้ได้รับกลิ่นหอมอ่อน ๆ สดชื่น และหลังใช้หนังศีรษะมีความเย็นสดชื่นคงไว ช่วยปลอบประโลมหนังศีรษะของคุณได้อย่างทันทีหลังใช้ ลดอาการหนังศีรษะแห้ง คัน ลอกเป็นขุยได้ และส่วนผสมของ hyaluronic acid และว่านหางจระเข้ ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผมและหนังศีรษะ หมดปัญหากวนใจไปได้

9. Shiseido – Fino Premium Touch

ครีมบำรุงผมที่ดีที่สุดสำหรับผมเสียจากความร้อน

ข้อดี
  • เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม โดยเฉพาะผมแห้งเสียมาก ๆ 
  • มีส่วนผสมระดับพรีเมี่ยมอยู่หลายตัว ที่ช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่นดูสุขภาพดี
ข้อเสีย

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่โด่งดังเรื่องการดูแลเส้นผมตามแบบฉบับสาวญี่ปุ่นอย่าง ชิเซโด้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายคนที่เข้าไปทำผมตามร้านซาลอน หรือเข้าร้านสปาผมก็มักจะเห็นแบรนด์นี้อยู่เต็มร้าน ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้เองก็เป็นทรีทเม้นท์สูตรเข้มข้นของทางชิเซโด้ที่ทางแบรนด์เคลมว่าเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมแห้งเสียอย่างมาก อย่างผมเสียที่เกิดจากความร้อนใด ๆ ก็คือตัวนี้สามารถช่วยได้ ด้วยส่วนผสมที่อยู่ในระดับพรีเมี่ยม

เปรียบผลิตภัณฑ์เป็นดั่งบิวตี้เอสเซ้นส์ เช่น สารที่ชื่อว่า Royal Jelly ที่ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนและแร่ธาตุ ช่วยฟื้นฟูเส้นผม สาร PCA ช่วยมอบความชุ่มชื่น เป็นต้นรวมทั้งยังมีกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตอนใช้ที่มาจาก Leafy Green, Lemon, Raspberry, Soapy, Lily, Rose, Muguet, Woody ที่ผสมรวมกันอยู่ในสูตรนี้ โดยรวมแล้วคือ ผลิตภัณฑ์นี้ จะช่วยบำรุงผมได้อย่างล้ำลึก บำรุงไปยันรากผม ทำให้เส้นผมนุ่มลื่นตั้งแต่โคนจรดปลาย ผมทิ้งตัวดูมีน้ำหนัก ผมดูสุขภาพดี ไม่มีเจอปัญหาผมพันเกี่ยวสางยาก

เคล็ดลับและคำแนะนำครีมบำรุงผม

คู่มือการซื้อ ครีมหมักผม

ปัญหาสุขภาพเส้นผม ที่มักพบเจอ เช่น ผมร่วง ผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู ผมแตกปลาย ผมมัน หนังศีรษะลอก รังแค ผมไม่มีน้ำหนัก ผมลีบแบน หลากหลายปัญหาของเส้นผม นำไปสู่การหาตัวช่วยในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละรายที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีแค่หนึ่งปัญหา แต่บางคนกลับมีหลายปัญหารุมเร้ากับเส้นผม มาดูวิธีการเลือกซื้อตัวช่วยบำรุงผมกันก่อนดีกว่าแต่ก่อนที่จะไปดูวิธีการเลือกซื้อ เรามารู้จัก ประเภทของผม และสาเหตุที่ทำให้จากผมปกติตามธรรมชาติของคนเรา แปรเปลี่ยนเป็นสภาพผมที่มีปัญหา 

ประเภทของผม 

  • ผมมัน จะสังเกตว่าหากคุณเป็นคนที่มีปัญหาผิวมันอยู่แล้วในบริเวณผิวหน้า โอกาสที่หนังศีรษะของคุณจะผลิตน้ำมันออกมาก็มีสูงเหมือนกับที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าได้ ซึ่งน้ำมันที่หลั่งออกมามากเกินไปนั้นเองมันก็ไปเกาะตามเส้นผม มักพบว่าจะมีปัญหารังแคร่วมด้วย และผมจะมีลักษณะเหนียวพันติดกันง่าย สระผมบ่อยแค่ไหน ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเยอะแยะผมก็มันเองได้
  • ผมธรรมดา เป็นเส้นผมที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน ซึ่งปกติแล้วเส้นผมตามธรรมชาตินี้หากดูแลดี ๆ ก็จะคงความเป็นผมธรรมดาตามธรรมชาติได้ไปนาน ผมประเภทนี้จะไม่ค่อยเจอปัญหาผมขาดหลุดร่วง รังแค ผมจะค่อนข้างดูมีน้ำหนัก ไม่พันกัน และไม่ชี้ฟู  
  • ผมแห้ง เป็นประเภทผมที่หลายคนมักเป็นอยู่ทำให้ต้องควานหาตัวช่วยมาบำรุงผม มักเกิดจากการที่รูขุมขนผลิตน้ำมันออกมาน้อยเกินไปจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ลักษณะเส้นผมจะมีความจับไปแล้วหากรุนแรงมาก ๆ อาจจะคล้ายกับไม้กวาดได้ พบจะชี้ฟู แตกปลาย ใช้มือสางอาจพบว่ามีเส้นผมขาดหลุดร่วงตามออกมา

สาเหตุที่มักทำให้มีปัญหาผมเสีย

  • มลภาวะ ที่เจอปกติทั่วไป ไม่ว่าจะแสงแดดที่มี UV รวมถึงฝุ่นควันต่าง ๆ สามารถทำลายเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมเปราะบางขาดง่าย สีผมจะมีความซีดลง
  • การใช้ความร้อน จากอุปกรณ์เสริมความงามต่าง ๆ เช่นไดร์เป่าผม เครื่องม้วนผม เครื่องหนีบผม เป็นต้น ความร้อนเหล่านั้นจะไปทำลายเกล็ดผมที่ปกป้องเส้นผมไม่ให้ถูกทำลายมายังชั้นข้างใน ทำให้ผมแห้งชี้ฟูได้ หากหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนจากอุปกรณ์เหล่านี้ได้ก็จะเป็นการดี
  • การสระผม ด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำ ด้วยความที่เวลาเราสระผมหรือบำรุงผมด้วยครีมนวดนั้น เราหวังประสิทธิภาพการบำรุงผมอย่างสูงสุด หากเราใช้น้ำอุ่นล้างผมบ่อย ๆ อาจทำให้สารที่บำรุงเหล่านั้นถูกชะออกไปด้วย รวมถึงในบางครั้งน้ำมันที่เส้นผมควรมีอยู่ในปริมาณที่พอดีก็กลายเป็นว่ามีน้อยเกินไปจนทำให้ผมแห้งเสียได้ 
  • การมัดผม รวบตึงทุกครั้ง ต้องสวยเป๊ะด้วยผมรวบตึงนี้บางทีก็ตามมาด้วยปัญหาผมขาดหลุดร่วงง่าย เนื่องมาจากแรงตึงในเส้นผม เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนเราพยายามดึงผมออกจากโคนผมอยู่ตลอดเวลา
  • ความเครียด ทุกครั้งที่เครียด ระบบไหลเวียนเลือดที่นำอาหารผมมาเลี้ยงรากผมและเส้นผมอาจติดขัด ทำให้อาหารบำรุงผมมาไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้ผมเปราะบางไร้น้ำหนัก ขาดหลุดร่วงได้โดยง่าย
  • การย้อมสีผม หรือการใช้น้ำยายืดที่เป็นสูตรเคมี เป็นกลุ่มที่พบบ่อยมาก เนื่องจากสารเคมีในน้ำยาย้อมและน้ำยายืดนั้นสามารถไปทำลายสมดุลความเป็นกรดด่างของเส้นผมและหนังศีรษะมีผลทำให้ผมขาดร่วงง่าย อาจจะต้องเลี่ยงสูตรเคมีหันมาเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค หรืออาจเลี่ยงการทำสีผมบ่อย ๆ ก็ช่วยได้

วิธีการเลือกซื้อครีมหมักผม

สภาพผมของเราเป็นแบบไหน อาจจะลองสังเกตจากลักษณะของเส้นผมดังที่กล่าวไป เพื่อที่จะได้เลือกหาสูตรที่เหมาะสม ยกตัวอย่าง

  • ผมแห้งเสีย ควรมองหาสูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น น้ำมันมะพร้าว โกโก้บัตเตอร์ เชียบัตเตอร์ โจโจ้บาออยล์ เป็นต้น
  • ผมแห้งเสียที่เกิดจากสารเคมีหรือความร้อน มักสูญเสียเคราตินไป อาจมองหาสูตรที่เน้นเสริมเคราติน เพิ่มโปรตีนในโครงสร้างเส้นผม
  • ผมขาดหลุดร่วง ควรมองหาสูตรที่ฟื้นฟูไปถึงรากผม หรือมีสาร hyaluronic acid ถามตัวเองเรื่องประวัติการใช้ครีมบำรุงผมบางยี่ห้อหรือบางสูตร ว่าเคยมีอาการแพ้ไหม เช่น ใช้แล้วผมยิ่งขาดหลุดร่วง หรือหลังล้างออกก็มีอาการคันตามกรอบหน้า มีผดผื่นขึ้น อาจจะต้องเลี่ยงการใช้สูตรบางสูตรที่มีส่วนผสมคล้ายกับสูตรที่เราแพ้ 
  • ผิวคุณแพ้ง่าย มากน้อยแค่ไหน หากคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายสกินแคร์หลายตัวที่แนะนำก็จะเป็นสูตรออกานิค ปราศจากน้ำหอม ซิลิโคน พาราเบน ซัลเฟต สี เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ 
  • ราคา และความสะดวกในการซื้อหา ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อนี้ก็มีส่วนในการนำมาคิด เพราะโดยปกติแล้วหากเราเลือกแชมพูสระผม และครีมนวดผมให้เหมาะกับสภาพเส้นผมเราแล้วนั้น ปัญหาเส้นผมหลายอย่างก็จะดีขึ้น ส่วนครีมหมักผมนั้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาเส้นผมหนักมาก หรืออยากเห็นผลไวไว อาจพิจารณาปัจจัยในข้อนี้เพิ่มเติมก่อนซื้อด้วย
วิธีการเลือกซื้อครีมหมักผม

คำถามและคำตอบ

คุณควรใช้ครีมนวดผมบ่อยแค่ไหน?

โดยปกติคำแนะนำเรื่องความถี่ในการสระผม จะอยู่ที่ประมาณ 3-4ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องสระทุกวัน ยกเว้นว่าผมเจอมลภาวะมาก ๆ อาจสระบ่อยขึ้น โดยทุกครั้งที่สระผมแนะนำให้มีการใช้ครีมนวดผม นวดไปตั้งแต่บริเวณกลางผมจรดปลายผมทุกครั้ง และหากต้องการใช้ครีมหมักผม จะแนะนำให้ใช้ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ตามที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่แนะนำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และความคุ้มค่าที่สุดในการใช้ครีมหมักผม 

Photo of author

Sutthida

สุทธิดามีใจรักในการเขียนและทำอาหาร หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอตัดสินใจหางานทำวารสารศาสตร์ เธอใฝ่ฝันที่จะอาศัยอยู่ริมชายหาดพร้อมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเล เธอชอบติดตามผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียบน Instagram หรือดูรายการทีวีหรือภาพยนตร์ในเวลาว่าง