เคยมีคำกล่าวว่ากินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยค่ะ แต่ปัจจุบันแค่เรื่องอาหารการกินอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพราะในยุคนี้เรามีอาหารให้เลือกกกินมากมาย แต่อาหารส่วนใหญ่มักมีพลังงานสูงและเป็นอาหารที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์น้อย บวกกับพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่จะทุ่มเทให้กับการทำงานจนลืมการดูแลสุขภาพ ดังนั้นในไม่กี่ปีมานี้เทรนสุขภาพจึงมาแรงมาก
ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลสุขภาพที่ดีนั่นไม่ใช่การหาหมอหรือกินอาหารเสริมเท่านั้น แต่หมายถึงการดูแลตัวเองทั้งเรื่องการกิน การออกกำลังกาย รวมไปถึงการนอนที่ดีด้วย และจะดีกว่าไหมหากเรามีผู้ช่วยในการดูดูแลสุขภาพอย่างนาฬิการออกกำลังกาย ที่จะช่วยประเมินสุขภาพเบื้องต้น อ้างอิงจากพฤติกรรม การกิน และการออกกำลังกายของเรา ซึ่งปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพได้จริง และยังเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เราหันกลับมาดูแลสุขภาพมากขึ้นด้วยค่ะ
11 นาฬิกาออกกําลังกาย
- 1. โดยรวมที่ดีที่สุด: Fitbit Sense Lazada/Shopee
- 2. ราคาประหยัด: Amazfit Bip U Pro SpO2 Lazada/Shopee
- 3. สำหรับนักวิ่ง: Garmin FORERUNNER 245 Music Lazada/Shopee
- 4. Multisport Smartwatch: Garmin Venu 2 Lazada/Shopee
- 5. สำหรับกีฬากลางแจ้งและการเดินป่า: Garmin Fenix 6S Lazada/Shopee
- 6. สำหรับ iPhone: Apple Watch Series 6 GPS Lazada/Shopee
- 7. สำหรับ Android: Samsung Galaxy Watch 4 Lazada/Shopee
- 8. ความทนทานที่ดีที่สุด: Amazfit T-Rex Pro Lazada/Shopee
- 9. สำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่: Coros Pace 2 Premium Lazada/Shopee
- 10. ฟิตเนสที่ดีที่สุด: Fitbit Charge 5 Fitness Tracker Watch Lazada/Shopee
- 11. เหมาะการใช้งานทุกวัน: Fitbit Luxe Lazada/Shopee
- ลองดู 8 สุดยอดนาฬิกาอัจฉริยะที่จะซื้อในปีนี้
- สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี น่าซื้อในช่วงนี้
นาฬิกาออกกําลังกาย ยี่ห้อไหนดีปี 2023
1. Fitbit – Sense
นาฬิกาฟิตเนสโดยรวมที่ดีที่สุด
- สดุเป็นสเตนเลสน้ำหนักเบา
- มี GPS ในตัว
- โหมดติดตามและประเมินสุขภาพ เช่น การติดตามการนอนกลับ อัตราการเต้นของหัวใจ และความเครียด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 6 วัน
- ไม่ใช่หน้าจอ Amoled
สำหรับ Fitbit – Sense เป็นหนึ่งในนาฬิกาออกกำลังกายที่หลายคนเลือกใช้ เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงมาก แต่ฟีเจอร์จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์การติดตามสุขภาพต่าง ๆ ทั้ง การวัดชีพจร, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อประเมินแนวโน้มสุขภาพเบื้องต้น, การวัดอุณหภูมิของผิวหนัง, การวัดความเครียด
และการติดตามการนอนหลับที่จะแสดงผลออกมาในรูปแบบกราฟและคะแนนการนอนหลับได้ด้วย และในด้านการออกกำลังกายก็เป็นรุ่น GPS บิวท์อิน ที่ใช้ในการติดตามระยะทางการวิ่ง เดินออกกำลังกาย หรือแม้แต่ระยะทางที่คุณเดินทางได้ทุกเมื่อ ในส่วนของการดีไซน์ Fitbit – Sense มีหน้าจอที่เลือกใช้วัสดุเป็นสเตนเลสที่มีนำหนักเบา แต่ใช้งานได้ทนทาน นอกจากนี้ยังใช้งานได้นานต่อเนื่องกันถึง 6 วันเลยค่ะ
2. Amazfit – Bip U Pro Smartwatch SpO2
สมาร์ทวอทช์ฟิตเนสราคาประหยัด
- ราคาย่อมเยา
- กันน้ำกันเหงื่อได้
- น้ำหนักเบา
- ให้โหมดออกกำลังกายมามากถึง 60 โหมด
- มี GPS ในตัว
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 9 วัน
- ไม่ใช่หน้าจอ Amoled
ใครที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อนาฬิกาออกกำลังกาย เพราะเหตุผลที่ว่าเป็นอุปกรณ์ราคาแพง ถ้าอย่างนั้นเราขอแนะนำให้รู้จักกับสมาร์ทวอทช์รุ่นประหยัดและกำลังได้รับความนิยมสุด ๆ ในขณะนี้กันค่ะ ตัวนี้ก็คือ Amazfit รุ่น Bip U Pro Smartwatch SpO2 ที่วางจำหน่ายในราคาประมาณ 2000 บาท แต่ให้ฟีเจอร์ที่เหมาะกับการออกกกำลังกายมาไม่น้อยหน้ารุ่นอื่น ๆ
เลย ไม่ว่าจะเป็นโหมดการออกกำลังกายที่ให้มาถึง 60 โหมด โหมดสุขภาพที่มีทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การวัดค่าออกซิเจนในเลือด และการนับรอบเดือนสำหรับคุณผู้หญิง ส่วนใครที่ชอบเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย รุ่นนี้ก็ยังสามารถทำการติดตามระยะทางได้ผ่าน GPS ในตัว และยังเหมาะกับการสวมใส่ออกกำลังกาย เพราะสามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ถึงขนาดที่ใส่ว่ายน้ำได้ที่ความลึกถึง 50 เมตรเลยค่ะ
3. Garmin – FORERUNNER 245 Music GPS Running Smartwatch
นาฬิกาฟิตเนสสำหรับนักวิ่ง
- น้ำหนักเบา
- มีสีให้เลือกเยอะ
- มีฟีเจอร์ที่เหมาะกับนักสวิ่งให้เลือกใช้มากมาย
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย ไม่ต้องใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน
- ไม่ใช่หน้าจอ Amoled
Garmin – FORERUNNER 245 Music ตัวนี้เป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อนักวิ่งโดยเฉพาะเลยค่ะ โดยรุ่นนี้จะใช้ระบบ GPS ในการติดตามระยะทาง เพื่อนำมาคำนวณรวมถึงประเมินผลลัพธ์ต่าง ๆ และที่นักวิ่งหลายคนชอบมาก ๆ คือสามารถฟังเพลงได้ผ่านการเชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth โดยรองรับไฟล์เพลงมากสุดถึง 500 เพลง
และคุณยังสามารถสร้างเพลงลิสต์ของคุณเองได้อีกด้วย ในส่วนของการใช้งานนั้น รุ่นนี้ก็จัดเต็มเรื่องการวิ่งมาให้ ทั้งการตรวจจับการระยะทางการวิ่งอัตโนมัติ การทำตารางการฝึกซ้อมของคุณ การประเมินสรรถภาพหลังจากวิ่งเสร็จแล้ว และในด้านของดีไซน์ก็ทำมาเพื่อรองรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีสีให้เลือกเยอะ น้ำหนักเบา และใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ แบบจัดเต็มได้นานถึง 22 ชั่วโมง
4. Multisport Smartwatch ที่ดีที่สุด
Garmin – Venu 2 Smartwatch
- หน้าจอ Amoled สีสวย ภาพคมชัดขึ้น
- มีโหมดการดูแลสุขภาพให้เลือกใช้งานเยอะมาก
- มีฟีเจอร์ที่เหมาะกับนักสวิ่งให้เลือกใช้มากมาย
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย ไม่ต้องใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน
- แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 11 วัน
- ไม่ใช่หน้าจอ Amoled
ด้วยความรูปลักษณ์ที่ดีไซน์ออกมาได้สวยงามและหน้าจอแบบ Amoled ที่ให้แสดงผลหน้าจอสีสดกว่าเดิม จนเหมือนกับนาฬิกาแฟชั่นของ Garmin – Venu 2 Smartwatch ตัวนี้ ทำให้นาฬิกาตัวนี้ได้รับความนิยมเยอะมากค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว Garmin รุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่งานดีไซน์เท่านั้น แต่ฟีเจอร์ที่ให้มาก็จัดเต็ม น่าสนใจไม่แพ้กัน
ไม่ว่าจะเป็นโหมดการดูแลสุขภาพ ที่สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ความเครียด, ระดับน้ำในร่างกาย, แจ้งเตือนประจำเดือนของคุณผู้หญิง และติดตามการนอนหลับ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นเด็ดน่าลองอย่างการตรวจวัดพลังงานหรือ Body Batterry เพื่อดูว่าในวันนี้คุณใช้พลังานไปเท่าไหร่ให้ด้วย ส่วนในด้านการออกกำลังกาย รุ่นนี้เขาให้โหมดแนะนำการออกกำลังกายมาถึง 25 โหมด พร้อมกับมี GPS ในตัวเพื่อติดตามระยะทางการเดินหรือวิ่ง
5. Garmin – Fenix 6S Sport Watch
นาฬิกาฟิตเนสที่ดีที่สุดสำหรับกีฬากลางแจ้งและการเดินป่า
- มี GPS ที่แม่นยำ ใช้เป็นแผนที่ได้
- กันน้ำได้ 10 ATM
- มีโหมดการดูแลสุขภาพให้เลือกใช้งานเยอะมาก
- มีฟีเจอร์ที่เหมาะกับนักสวิ่งให้เลือกใช้มากมาย
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย ไม่ต้องใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน
- แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 34 วัน
- ไม่ใช่หน้าจอ Amoled
ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมการออกกำลังกายของคุณ กับนาฬิกา Garmin – Fenix 6S Sport Watch ที่มาพร้อมกับจุดเด่นความสามารถในการกันน้ำได้ลึก 100 เมตร หรือ 10 ATM เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกีฬาดำน้ำหรือชอบกีฬาทางน้ำมากค่ะ ตัวเรือนออกแบบมาได้หรูหรา และเอื้อให้ใช้งานสะดวก แถมยังใช้งานได้นานถึง 34 วันทีเดียว
นอกจากนี้โหมดการดูแลสุขภาพก็ยังให้มาเต็มที่ไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็น การติดตามการนอนหลับ, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และตรวจจับความเครียดได้ด้วย ส่วนโหมดออกกำลังกายก็ไม่น้อยหน้าค่ะ เพราะให้มาครอบคลุมทั้งกีฬาบนบกและในน้ำ และรองรับการฟังเพลงรวมถึงการติดต่อสื่อสารด้วย และที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือตัวนี้เขามี GPS ในตัว ที่ไม่เพียงติดตามระยะทางการวิ่งออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังใช้ดูแผนที่ได้ด้วย
6. Apple Watch Series 6 GPS
นาฬิกาฟิตเนสสำหรับ iPhone
- รับสายและตอบข้อความได้
- สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือกได้
- จอแบบ Retina และสว่างกว่ารุ่นเก่า 2.5 เท่า
- กันน้ำได้ 10 ATM
- มีโหมดการดูแลสุขภาพให้เลือกใช้งานเยอะ
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย
- มีระบบโทรขอความช่วยเหลือ
- รองรับการใช้งานร่วม iPhone เท่านั้น
หากคุณใช้งาน iPhone อยู่ในตอนนี้ นาฬิกาออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Apple Watch ค่ะ และสำหรับรุ่น Series 6 GPS นี้ ก็ได้พัฒนาหลายอย่างจากรุ่นก่อนเพื่อรองรับการใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งก็ได้แก่ การเพิ่มค่าความสว่างของหน้าจอขึ้น 2.5 เท่า ทำให้รุ่นนี้สามารถมองหน้าจอได้ชัดขึ้นเมื่อต้องใช้งานกลางแจ้ง
และวัสดุก็ยังใช้เป็น Retina เช่นเดิม ส่วนอีกฟีเจอร์ที่เหมาะกับยุคโควิดนี้สุด ๆ ก็คือการวัดค่าออกซิเจนในเลือด และการประเมินสุขภาพเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดชีพจร อัตราการเต้นของหัวใจ รวมถึงติดตามการนอนหลับ ส่วนคนที่ชอบออกกำลังกายก็ยังใช้งานได้สะดวกขึ้น เพราะรุ่นนี้รองรับการใช้งานเชื่อมต่อหูฟัง Bluetooth และการรับสายรวมทั้งการส่งข้อความตอบกลับอีกด้วยค่ะ
7. Samsung Galaxy Watch 4
ดีที่สุดสำหรับ Android
- การวัดค่าไขมัน
- การเผาผลาญพลังงาน
- ปริมาณน้ำในร่างกาย
- ค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI เป็นต้น
- กันน้ำได้ 5 ATM
- มีโหมดการออกกำลังกายให้เลือกใช้งาน 95 โหมด
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 40 ชั่วโมง
ถ้าจะไม่พูดถึงนาฬิกาออกกำลังสำหรับระบบปฏิบัติการอย่าง Android ก็คงจะไม่ได้ และสำหรับตัวที่เรานำมาแนะนำก็คือ Samsung Galaxy Watch 4 ที่มาในรูปลักษณ์สไตล?มินิมอลทำให้มีราคากลาง ๆ แต่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์น่าใช้งานมากมายทั้งในด้านของสุขภาพและการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น การวัดค่าไขมัน,
การเผาผลาญพลังงาน, ปริมาณน้ำในร่างกาย และค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI เป็นต้น ส่วนการออกกำลังกายก็ให้โหมดมาถึง 95 โหมดด้วยกัน รุ่นนี้ยังกันน้ำกันเหงื่อได้ที่ระดับมาตรฐาน 5 ATM และยังสามารถสลับใช้งานโหมดพักหน้าจอและโหมด Always-on ที่จะแสดงหน้าจอตลอดเวลาได้ด้วย และจากที่เราได้สำรวจคามคิดเห็นของผู้ใช้งานจริงส่วนใหญ่ บอกว่านาฬิกาดีไซน์เรียบ ๆ น่ารัก ขนาดกำลังพอดี สีสวย และมีโหมดต่าง ๆ ให้เล่นเยอะ
8. Amazfit T-Rex Pro
ดีที่สุดเพื่อความทนทาน
- ตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือด
- วัดค่า อัตราการเต้นของหัวใจ,
- วัดค่า คุณภาพการนอน และความเครียดได้
- กันน้ำได้ 10 ATM
- มีโหมดการออกกำลังกายให้เลือกใช้งาน 100 โหมด
- เชื่อมต่อกับหูฟัง Bluetooth เพื่อฟังเพลงได้เลย
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 18 วัน
- หน้าจอ Amoled
- มี GPS ในตัว และดูแผนที่ได้แม่นยำ
- ไม่มีระบบโทรขอความช่วยเหลือ
สำหรับคุณผู้ชายที่อยากได้นาฬิกาออกกำลังกายราคาไม่แรงสักเรือน Amazfit T-Rex Pro ตัวนี้ เป็นตัวเลือกที่เราขอแนะนำค่ะ เนื่องจากรูปลักษณ์ดีไซน์สุดเท่ ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ หรือสาว ๆ สายลุยใส่แล้วก็คลูสุด ๆ และไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ฟีเจอร์ก็จัดมาให้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นโหมดการดูแลสุขภาพ
ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือด, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดความเครียด และติดตามการนอนหลับของคุณได้ด้วยค่ะ มาพร้อมกับโหมดออกกำลังกายที่ให้มามากถึง 100 โหมด และแบตเตอรี่ยังอึดทนกว่า 18 วัน นอกจากนี้รุ่นนี้ยังมีหน้าจอที่คมชัด สีสดสวยงามเพราะเป็นหน้าจอแบบ Amoled และที่เจ๋งไม่แพงกันก็คือเป็นระบบ GPS ในตัวที่ค่อนข้างแม่นยำ สามารถใช้ดูแผนที่ได้เลย
9. Coros – Pace 2 Premium GPS Sport Watch
ดีที่สุดสำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่
- ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- วัดค่าตรวจจับการนอนหลับได้
- กันน้ำได้ 5 ATM
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 20 วัน
- หน้าจอ LCD
- ใช้ระบบนำทาง GPS
- น้ำหนักเบา 29 กรัม
- ไม่มีระบบโทรขอความช่วยเหลือ
Coros คือหนึ่งในแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมระดับโลก และสำหรับนาฬิกาออกกำลังกายรุ่น Pace 2 Premium GPS Sport Watch ตัวนี้ ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ ซึ่งสายฟอร์ตหลาย ๆ คนที่ได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกน่าจะถูกใจไปตาม ๆ กัน เพราะรุ่นนี้เค้าเน้นใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง และยังมีหน้าปัดขนาดใหญ่ 1.2 นิ้ว แบบจอ LCD ทำให้แสดงผลได้ชัดเจน ในส่วนของฟีเจอร์ที่ให้มาก็มีทั้งโหมดการออกกำลังกายทั้งหมด 14 โหมด
ที่มีทั้งกีฬาบนบกและกีฬาทางน้ำ โดยสามารถกันน้ำได้ 50 เมตรหรือ 5 ATM ตัวระบบติดตามการวิ่งออกกำลังกายเป็น GPS ที่ค่อนข้างแม่นยำ และรุ่นนี้ก็ยังให้โหมดการดูแลสุขภาพมาให้ด้วย ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและติดตามการนอนหลับ เห็นคุณสบัติครอบคลุมแบบนี้แต่ราคาไม่ถึงหมื่นบาท และยังใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 20 วันเลยล่ะค่ะ
10. Fitbit Charge 5 Fitness Tracker Watch
ดีที่สุดสำหรับฟิตเนส
- ตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้
- ตรวจวัดความเครียดได้จากเซนเซอร์ EAD
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 7 วัน
- หน้าจอ Amoled และใช้งานโหมด Always On ได้
- น้ำหนักเบา 29 กรัม
- กันน้ำได้ 5 ATM
- รองรับเฉพาะสมาร์ตโฟนระบบ iOS เวอร์ชั่น 12.2 และระบบ Android เวอร์ชั่น 8.0 ขึ้นไป เท่านั้น
นาฬิกาออกกำลังกายแบรนด์ยอดนิยมในบ้านเราอย่าง Fitbit มีให้เลือกใช้งานหลายรุ่นมากค่ะ โดยรุ่นที่เหมาะกับคนที่ชอบเข้าฟิตเนสบ่อย ๆ เราขอแนะนำเป็นรุ่น Charge 5 Fitness Tracker Watch ตัวนี้ เนื่องจากมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สวมใส่ได้ทั้งวัน ตัววัสดุยังคงทำจากอะลูมิเนียมและซิลิโคน แต่ที่น่าสนใจเห็นจะเป็นหน้าจอที่ให้มาเป็นแบบ Amoled ที่สามารถรองรับโหมดแสดงผลตลอดเวลาหรือ Always On ได้ด้วย นอกจากนี้ใครที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ
อย่างการว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือเก็ตสกีก็สามารถใส่ลุยได้ชิว ๆ เพราะตัวนี้เขากันน้ำได้ลึก 50 เมตรเลยค่ะ ในส่วนของโหมดสุขภาพ Fitbit Charge 5 สามารถตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ และยังมีเซนเซอร์ EAD ที่ตรวจจับความเครียดได้ด้วยค่ะ แต่หากใครจะซื้อมาใช้งานควรตรวจสอบสมาร์ทโฟนของคุณด้วยนะคะว่าเป็นเวอร์ชั่นที่รองรับการใช้งานหรือไม่
11. Fitbit – Luxe
นาฬิกาฟิตเนสที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานทุกวัน
- ตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้, อัตราการเต้นของหัวใจ และตรวจวัดความเครียดได้
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 5 วัน
- หน้าจอ Amoled
- ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 26 กรัม
- กันน้ำได้ 5 ATM
- ไม่รองรับการฟังเพลงผ่าน Bluetooth
ปิดท้ายด้วยนาฬิกาออกกำลังกายเรือนเล็กกะทัดรัด ที่เหมาะกับสาว ๆ ข้อมือเล็กกันบ้าง สำหรับ Fitbit รุ่น Luxe ที่น้ำหนักเบาเพียง 26 กรัม เหมาะกับการใส่ติดตัวตอลดเวลา โดยสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่า 5 วัน ทั้งยังมีโหมดเพื่อติดตามการนอนหลับ และวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย ในส่วนของหน้าจอนั้น รุ่นนี้ก็ให้มาเป็นหน้าจอ Amoled
ที่ได้รับการยอมรับว่าสีสดสดใส คมชัด ทั้งยังมี GPS ในตัว ไว้สำหรับติดตามการออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่ง และกันน้ำได้ที่ระดับความลึก 50 เมตร หรือ 5 ATM จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่ชอบการออกกำลังกายหลายรูปแบบ นอกจากนี้รุ่นนี้ก็ยังให้สายซิลิโคนแบบไซต์เล็กไซต์ใหญ่มาให้เปลี่ยน จึงไม่ต้องกังวลว่าข้อมือจะเล็กหรือใหญ่ไป ใส่แล้วจะไม่พอดี และมีสีให้เลือก 3 สี คือ สีขาว สีดำ และสีชมพูค่ะ
คู่มือการซื้อนาฬิกาฟิตเนส
นาฬิกาฟิตเนสทำงานอย่างไร
สาเหตุที่นาฬิกาออกกำลังกายได้รับการยกให้เป็นนาฬิกาอัจฉริยะ ก็เพราะว่าตัวของมันสามารถใช้งานได้หลากหลายกว่านาฬิกาทั่วไปนั่นเองค่ะ และสิ่งที่จะช่วยให้นาฬิกาชนิดนี้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและแตกต่างนั้นก็คืออุปกรณ์ส่วนตัวที่เราต่างก็มีกันทุกคนอย่างสมาร์ทโฟนนั่นเอง
โดยตัวของสมาร์ทวอชท์จะมีการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันของสมาร์ทโฟนเพื่อแสดงผล นอกจากนี้บางรุ่นยังสามารถฟังเพลง และรับข้อความแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียได้ด้วย ดังนั้นแล้วในการเลือกซื้อสมาร์ทวอชท์สิ่งจำเป็นอันดับแรกก็คือต้องดูว่าสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของเราได้หรือไม่ค่ะ
เครื่องติดตามฟิตเนส vs. สมาร์ทวอทช์
นาฬิกาออกกำลังกาย นาฬิกาฟิตเนส หรือสมาร์ทวอทช์ ล้วนเป็นชื่อเรียกที่หมายถึงนาฬิกาอัจฉริยะ ที่มีคุณสมบัติหลากหลายมากกว่าบอกเวลาเหมือนนาฬิกาแบบเก่า ซึ่งนาฬิกาอัจฉริยะนี้ หากเน้นเรื่องของสุขภาพและออกกำลังกายจะเรียกว่านาฬิกาออกกำลังกาย แต่หากใช้งานได้ทั้งเพื่อความบันเทิงอย่างการฟังเพลง
และสามารถรองรับการแจ้งเตือนโทรเข้าและแอปพลิเคชันสื่อสารได้ด้วยก็จะเรียกรวมไปเลยว่าเป็นสมาร์ทวอทช์ แต่จริง ๆ แล้วหลาย ๆ รุ่นก็ต่างอัดฟีเจอร์ที่จำเป็นอย่างครบครัน ดังนั้นจึงไม่เป็นต้องแยกว่าอันไหนคือสมาร์ทวอทช์และอันไหนคือนาฬิกาออกกำลังกายแล้วค่ะ
คุณสมบัติที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ
การออกกำลังกายและการฝึกสอนบนหน้าจอ
ส่วนใหญ่แล้ว หากคุณเลือกสมาร์ทวอชที่เน้นการออกกำลังกาย แน่นอนว่าฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้อย่างโหมดการออกกำลังกายและการแสดงท่าทางต่าง ๆ เพื่อเป็นการฝึกสอนบนหน้าจอนั้นก็มักจะมีในนาฬิกาออกกำลังกายรุ่นนั้น ๆ อยู่แล้วค่ะ โดยสิ่งที่คุณควรมองหาไม่ใช่แค่โหมดนาฬิการุ่นนั้นมีโหมดออกกำลังกายเยอะมากแค่ไหน แต่ควรดูว่ามีประเภทการออกกำลังกายของคุณอยู่นั้นหรือไม่ รวมทั้งต้องตรวจสอบคุณสมบัติอื่นร่วมด้วย เช่น หากคุณต้องการว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย ก็ควรเลือกรุ่นที่สามารถกันน้ำได้อย่างน้อย 5 ATM ขึ้นไป เป็นต้น
คำถามและคำตอบ
เครื่องติดตามการออกกำลังกายมีความแม่นยำเพียงใด
นาฬิกาออกกำลังกายที่เราอยากแนะนำให้คุณเลือกซื้อ ควรต้องมี GPS ในตัว เพราะจะช่วยให้การใช้งานของคุณสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวตลอด โดยความแม่นยำของ GPS นั้น ค่อนข่างเชื่อถือได้เลยดีทีเดียวค่ะ สามารถใช้ระยะทางที่ได้มาประมวลผล เพื่อประเมินว่าคุณควรต้องออกกำลังกายเพิ่มหรือไม่ หรือสถิติที่ดีที่สุดของคุณเป็นเท่าไร เป็นต้น
สามารถใช้นาฬิกาฟิตเนสโดยไม่มีสมาร์ทโฟนได้หรือไม่
จริง ๆ แล้ว นาฬิกาออกกกำลังกายนั้นออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนค่ะ เพราะหลาย ๆ ฟีเจอร์ เราไม่สามารถดูผลลัพธ์หรือทำการตั้งค่าผ่านตัวสมาร์ทวอทช์ได้ แต่ในกรณีที่เราต้องการออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น การวิ่ง การเต้นแอโรบิก การว่ายน้ำ หรือเล่นฟิตเนส การพกสมาร์ทโฟนติดตัว ก็คงจะไม่เหมาะนัก ดังนั้นการหากคุณต้องการความคล่องตัว ก็ควรมองหานาฬิกาออกกำลังกายที่มี GPS ในตัว เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลสุขภาพ ระยะทาง หรือแม้แต่สถิติของคุณเพื่อนำมาแสดงผลในแอปได้ค่ะ