เครื่องชงกาแฟแคปซูล 7 อันดับแรก ยี่ห้อไหนดี ปี 2024

เครื่องชงกาแฟแคปซูลเหรือที่บางคนเรียกว่าเครื่องชงกาแฟพ็อด เป็นอุปกรณ์ที่ได้เข้ามามีบทบาทต่อคอกาแฟจำนวนมาก ด้วยเพราะตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัด ราคาไม่แพง แต่สามารถชงกาแฟได้รสชาติอร่อย กลมกล่อม เหมือนมีบาริสต้ามาคอยชงให้เองที่บ้าน

เพราะเครื่องชงกาแฟแคปซูลจะใช้แคปซูลกาแฟซึ่งได้บรรจุเมล็ดกาแฟคคั่วบดจากหลากหลายแบรนด์กาแฟชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Starbuck และเมนูกาแฟนมยอดฮิต ไว้ในแคปซูลเล็ก ๆ ในราคาที่ถูกกว่าที่ร้านถึง 4 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วในบทความนี้เราจึงได้นำเครื่องทำกาแฟแคปซูลหลายแบบเพื่อตอบโจทย์ความชอบหลากสไตล์ของแต่ละคนมาฝากกันค่ะ 

7 เครื่องชงกาแฟแคปซูล

1. โดยรวมที่ดีที่สุด: Oggi MC2 Lazada/Shopee
2. ราคาประหยัดที่ดีที่สุด
Piccolo XS Lazada/Shopee
3. Nespresso ที่ดีที่สุดNespresso Pixie C Lazada/Shopee
4. Dolce Gusto ที่ดีที่สุดDolce Gusto Genio S Plus Lazada/Shopee
5. เครื่องทำลาเต้ที่ดีที่สุดNespresso Lattissima One Lazada/Shopee
6. เอสเปรสโซที่ดีที่สุด: ILLY Y3.2 IPERESPRESSO Lazada/Shopee
7. ขนาดเล็กกะทัดรัด: Nespresso Essenza Mini C Lazada/Shopee

7 เครื่องชงกาแฟแคปซูล 2024

1. Oggi – MC2

เครื่องชงกาแฟหลายแคปซูลที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ทำกาแฟได้หลากหลายเมนู เพราะมีอะแดปเตอร์ให้เลือกถึง 3 แบบ
  • ใช้ตัวเครื่องปั๊ม ULKA แรงดันน้ำ 19 บาร์ สามารถทำครีมม่ากาแฟได้
  • ใช้เวลาชงเพียง 1 นาทีและมีโปรแกรมปิดอัตโนมัติ
  • มีประกันหลังการขาย 1 ปี
ข้อเสีย
  • ไม่มีแคปซูลกาแฟแถมมาให้ มีเพียงอะแดปเตอร์
  • แท้งค์น้ำขนาดเล็ก 

หากคุณกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบแคปซูลที่สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์และทำกาแฟได้หลากหลายเมนูอยู่ละก็ เราขอนำเสนอ Oggi รุ่น MC2 ที่มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ชงกาแฟถึง 3 แบบ ได้แก่ อะแดปเตอร์ Nespresso,

อะแดปเตอร์ Dolce – Gusto และอะแดปเตอร์กาแฟบด ที่สามารถใช้ร่วมกับและกาแฟพ็อดของ illy และKimbo ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณทั้งสะดวก คุ้มค่า และประหยัดขึ้นมากนอกจากนี้ยังมีตัวเครื่องปั๊ม ULKA จากประเทศอิตาลี ที่มีระบบแรงดันน้ำ 19 บาร์ ทำให้สามารถดึงครีมม่ากาแฟออกมาได้อีกด้วย 

ส่วนในเรื่องของการออกแบบก็นับว่าทำออกมาได้กระทัดรัดเหมาะสมกับครัวขนาดเล็กหรือสำหรับออฟฟิศ ทั้งยังสามารถถอกแทงค์น้ำมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย และมีการตั้งโปรแกรมปิดอัตโนมัติหลังไม่ได้ใช้งานติดต่อกันนานเกิน 15 นาที พิเศษสุดกับการรับประกันหลังการขายให้อีก 1 ปีด้วยล่ะค่ะ

2. Piccolo XS

เครื่องชงกาแฟแคปซูลราคาประหยัดที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • มีแคปซูลกาแฟให้เลือกเยอะ
  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับคุณภาพของสินค้า
  • มีระบบชงกาแฟอัจฉริยะ ทำให้ได้รสชาติกาแฟที่หอม อร่อย เข้มข้น
  • ดีไซน์สวย เหมาะกับบ้านสไตล์มินิมอล
  • รับประกันหลังการขาย 2 ปี
ข้อเสีย
  • เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติต้องกะปริมาณน้ำเอาเอง
  • แรงดันน้ำเพียง 15 บาร์ ไม่สามารถดึงครีมม่ากาแฟได้

สำหรับคอกาแฟที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลคุณภาพดี ราคาประหยัด เราขอแนะนำ PICCOLO XS WHITE เครื่องชงกาแฟกึ่งอัตโนมัติจากแบรนด์ดังอย่าง NESCAFE DOLCE GUSTO ตัวนี้ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นของระบบการชงกาแฟอัจฉริยะ โดยใช้เข็มเจาะลงไปในแคปซูลกาแฟ แล้วใช้แรงดันน้ำขนาด 15 บาร์ ณ อุณหภูมิที่เหมาะสม ไหลผ่านเข้าไปในแคปซูล

เพื่อให้ได้กาแฟแก้วโปรดแต่ละสไตล์ที่คุณชื่นชอบอย่างง่ายดายภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที พร้อมกับแทงค์น้ำความจุ 0.8 ลิตร สามารถชงกาแฟได้ 3 – 5 แก้วต่อรอบ ทั้งยังมีการออกแบบรูปลักษณ์ให้โดดเด่นสวยงามน่าใช้งาน เหมาะทั้งกับครัวที่บ้านและคอนโด นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มได้อย่างไม่จำกัด ด้วยแคปซูลกาแฟหลากหลายแบบของ DOLCE GUSTO ที่มีให้เลือกทั้งกาแฟสด, ชาเขียว และช็อกโกแลต และยังมีการรับประกันเครื่องให้ถึง 2 ปีด้วยค่ะ

3. Nespresso – Pixie C

เครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • มีแคปซูลกาแฟแถมมาให้ 14 แคปซูล
  • ระบบแสดงผลและสั่งการแบบทัชสกรีน หรูหราและสะดวกรวดเร็ว
  • ใช้เวลาเพียง 30 วินาทีในการชงกาแฟ 1 แก้ว
  • ทำครีมม่ากาแฟได้
  • รับประกันหลังการขาย 2 ปี
ข้อเสีย
  • แทงค์บรรจุน้ำขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพและราคา
  • สามารถชงได้เพียงกาแฟเอสเพรสโซ่และลุงโก้

เพียง 6 ขั้นตอนง่าย ๆ คุณก็สามารถดื่มด่ำกับรสชาติ หอม อร่อย กลมกล่อม ของกาแฟเอสเพรสโซ่ได้สบาย ๆ ที่บ้านของคุณ กับเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลชนิดอัตโนมัติจาก Nespresso รุ่น Pixie C Range ที่มาพร้อมกับแคปซูลกาแฟถึง 14 แคปซูล และมีช่องจุแคปซูลกาแฟใช้แล้วได้กว่า 10 แคปซูล

ทั้งยังมีปั๊มที่ทำแรงดันน้ำได้ถึง 19 บาร์ สามารถดึงครีมม่ากาแฟออกมาได้ด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยระบบทัชสกรีนบนตัวเครื่องเพียงเลือกเมนูและรอให้เครื่องทำงานตามคำสั่ง แค่นี้ก็ได้กาแฟแสนอร่อยตามที่ต้องการในเวลาไม่ถึง 1 นาที พิเศษสุดกับ 2 โปรแกรมอัตโนมัติ มีให้เลือกระหว่างกาแฟเอสเพรสโซ่ และลุงโก

เลือกความเข้มข้นได้ตามสไตล์คุณ มาดูในส่วนของรายละเอียดสินค้าภายในกล่อง ที่ประกอบด้วยเครื่องชงกาแฟรุ่น pixie มีให้เลือก 2 สี คือสีแดงดำ และสีบรอนซ์ ขนาด 11 x 32 x 23 เซนติเมตร, แทงค์บรรจุน้ำขนาด 0.7 ลิตร สามารถชงกาแฟต่อเนื่องได้ 3 – 4 แก้ว, ที่รองแก้วกาแฟแบบตะแกรงพร้อมฐานทำให้ไม่หกเลอะเทอะ และแคปซูลกาแฟรสยอดนิยมกว่า 14 แคปซูล

4. Dolce Gusto – Genio S Plus

เครื่องชงกาแฟ Dolce Gusto ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • สามารถชงเกาแฟได้หลายเมนู
  • มีแคปซูลกาแฟสำหรับชงกาแฟลาเต้, คาปูชิโน และอเมริกาโน่แถมมาด้วย
  • ดีไซน์สวย กะทัดรัด
  • แท้งค์บรรจุน้ำขนาดใหญ่ 0.8 ลิตร
  • รับประกันสินค้า 2 ปี
ข้อเสีย
  • ไม่สามารถทำครีมม่าได้ เพราะแรงดันน้ำต่ำเพียง 15 บาร์

Nescafe Dolce Gusto รุ่น GENIO S PLUS BLACK เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติชนิดแคปซูลที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถใช้ชงกาแฟที่เข้มข้น หอม อร่อย ได้หลากหลายเมนู ซึ่งมาพร้อมกับแคปซูลกาแฟ CAPPUCCINO, LATTE MACCHIATO และ AMERICANO RICH AROMA

ที่ใช้กาแฟคั่วบดพันธ์อาราบิก้าและโรบัสต้าจากแหล่งปลูกคุณภาพดีจากทั่วโลกบรรจุในแคปซูลอัจฉริยะที่สามารถเก็บความสดใหม่และหอมอร่อยแบบต้นฉบับไว้ได้อย่างดีและเมื่อชงกับเครื่องชงกาแฟที่ใช้เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ Nescafe ยิ่งทำให้กาแฟแก้วโปรดของคุณอร่อยเข้มยิ่งขึ้น ทั้งยังใช้สะวกกว่าด้วยระบบชงแบบคันปรับระดับน้ำและแท้งค์บรรจุน้ำขนาดใหญ่ 0.8 ลิตร

ชงต่อเนื่องได้ 3 – 5 แก้ว โดยในชุดสินค้าประกอบด้วย เครื่องชงกาแฟ รุ่น GENIO S PLUS BLACK , แคปซูลกาแฟคั่วบด 3 แบบ ได้แก่ คาปูชิโน, ลาเต้ และอเมริกาโน่ ซึ่งมีรับประกันให้ถึง 2 ปีด้วยค่ะ

5. Nespresso – Lattissima One

เครื่องทำฝักลาเต้ที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • อุปกรณ์ทำกาแฟครบครัน พร้อมแคปซูลกาแฟพร้อมชง
  • มีแทงค์บรรจุนม สามารถทำเมนูกาแฟนมได้ด้วย
  • แทงค์บรรจุน้ำขนาดใหญ่ 1 ลิตร ทำกาแฟได้เยอะกว่า 5 แก้ว
  • สามารถทำครีมม่ากาแฟได้
  • การออกแบบดีไซน์สวยหรูและกระทัดรัด
  • รับประกันหลังการขาย 2 ปี
ข้อเสีย
  • ราคาสูง

เอาใจคนที่ชื่นชอบเมนูกาแฟนม กับ Nespresso รุ่น Lattissima One เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติชนิดคปซูลที่มีแทงค์บรรจุนมและระบบการชงกาแฟสำหรับกาแฟนมโดยเฉพาะ ขนาดใหญ่กว่า 1.2 ลิตร ที่สามารถถอดเก็บใส่ตู้เย็นได้เมื่อใช้ไม่หมด และแทงค์บรรจุน้ำกว่า 1 ลิตร

สามารถชงกาแฟติดต่อกันได้มากกว่า 5 แก้วต่อครั้ง นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บแคปซูลใช้แล้วได้ 8 แคปซูล และยังสามารถทำครีมม่ากาแฟได้เพราะใช้ระบบแรงดันน้ำ 19 บาร์ทำงานร่วมกับเครื่องได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาทำความร้อนเพียง 25 วินาที ทั้งยังมีระบบทำความสาดอัตโนมัติอีกด้วยเหมาะกับคนที่ชอบทานกาแฟลาเต้

และต้องการความสะดวกสบายเพราะตัวเครื่องมีเมนูให้เลือกง่าย ๆ เพียง 4 ปุ่มสั่งการ แต่มีขั้นตอนการทำงานเพียง 6 ขั้นตอน คุณก็สามารถดื่มด่ำกับกาแฟนมเนื้อเนียนละเอียด หอม นุ่ม ตามแบบฉบับกาแฟคั่วบดแท้ได้ง่าย ๆ

6. ILLY Y3.2 IPERESPRESSO

เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ใช้อะลูมิเนียมเป็นตัวทำความร้อน
  • สามารถทำครีมม่ากาแฟได้
  • วัสดุคุณภาพดี การออกแบบดีไซน์สวยหรูและกระทัดรัด
  • รับประกันหลังการขาย 1 ปี
  • ประหยัดพลังงานกินไฟเพียง 850 วัตต์
ข้อเสีย
  • ไม่มีแคปซูลกาแฟแถมมาให้

ใครที่ชื่นชอบรสชาติอร่อยเข้มข้นของกาแฟเอสเพรสโซ่ แน่นอนว่า ILLY Y3.2 IPERESPRESSO จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับคุณ ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับไอเปอร์เอสเพรสโซ่แคปซูล ที่ได้จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคั่วบดคุณภาพเยี่ยม พร้อมกับใช้วัสดุอะลูมิเนียมเป็นระบบความร้อนภายในที่สามารถกักเก็บความร้อนได้อย่างดี

มีแรงดันน้ำ 19 บาร์ ทำครีมม่ากาแฟได้ด้วย และในส่วนของแท้งค์บรรจุขนาด 0,.75 ลิตรก็ยังสามารถชงกาแฟต่อเนื่องได้ 3 -4 แก้ว ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานกินไฟเพียง 850 วัตต์เท่านั้น นอกจากนี้ตัวของเครื่องชงกาแฟแคปซูลของ ILLY ยังทำจากวัสดุ ABS คุณภาพดี มีดีไซน์รูปลักษณ์ที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ ในขนาดกะทัดรัด เรียบหรู ไม่ว่าจะตั้งวางไว้ตรงไหนก็ดูดี เหมาะกับทั้งครัวบ้าน, คอนโด และที่ทำงาน

7. Nespresso – Essenza Mini C

ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ดีที่สุด

ข้อดี
  • ขนาดเล็กกะทัดรัด และน้ำหนักเบา ไม่เปลืองพื้นที่
  • อุปกรณ์ทำกาแฟครบครัน พร้อมแคปซูลกาแฟพร้อมชง
  • สามารถทำครีมม่ากาแฟได้
  • รับประกันหลังการขาย 2 ปี
ข้อเสีย
  • แทงค์บรรจุน้ำขนาดใหญ่เล็ก

เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล จาก Nespresso รุ่น Essenza Mini C Range เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่มีขนาดเล็กเท่ากระดาษ A4 2 รีมเท่านั้น เหมาะกับคนที่ชื่นชอบเครื่องครัวขนาดเล็ก กะทัดรัด จะจัดวางตรงไหนก็ไม่เปลืองพื้นที่ หรือจะพกพาไปที่ทำงานหรือไปต่างจังหวัดก็สะดวกเพราะมีน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น มาพร้อมกับระบบแรงดันน้ำ 19 บาร์

ที่ทำครีมม่ากาแฟได้ด้วย นอกจากนี้ยังใช้งานได้ง่ายเพียงกดแค่ 2 ปุ่มและรอเวลาหลังเปิดเครื่องเพียง 10 นาทีก็ได้ทานกาแฟที่มีให้เลือกทั้งเอสเพรสโซ่สำหรับคนชอบแบบเข้ม ๆ และลุงโก้สำหรับคนชอบแบบปานกลางด้วยโดยภายในกล่องสินค้าที่คุณจะได้รับ ประกอบด้วย เครื่องชงกาแฟ รุ่น Essenza Mini, แทงค์บรรจุน้ำขนาด 0.6 ลิตร, ฐานรองแก้วกาแฟ และยังมีแคปซูลกาแฟมาให้ด้วย ทั้งยังมีรับประกันหลังการขายให้อีก 2 ปีด้วยล่ะค่ะ

คู่มือการซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูล

เครื่องพ็อดทำงานอย่างไร

เครื่องพ็อดทำงานอย่างไร

หลักการทำงานของเครื่องชงกาแฟแบบพ็อดหรือที่เรียกกันว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูล จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือการชงแบบอัตโนมัติที่เครื่องจะสามารถทำงานได้เลยเพียงใส่แคปซูลกาแฟลงไปแล้วรอจนแล้วสร็จและกึ่งอัตโนมัติที่ต้องมีการสับคันโยกน้ำเพื่อสั่งให้เครื่องทำงาน

แต่หลักการทำงานของเครื่องจะเหมือนกัน คือ เมื่อคุณเลือกแคปซูลกาแฟที่ต้องการแล้วใสลงไปที่เครื่อง จะมีเข็มขนาดเล็กเจาะลงที่แคปซูลพร้อมกับแรงดันน้ำที่มีอุณภูมิที่เหมาะสมไหลผ่านนำเอาทั้งรสชาติ ความหอม และเอกลักษณ์ในเมล็ดกาแฟคั่วบดที่อยู่ในแคปซูลออกมาให้เราได้ดื่มกันนั่นเอง

กาแฟแคปซูลและกาแฟธรรมดามีประโยชน์อย่างไร

ข้อดีของกาแฟแคปซูล นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการชงกาแฟได้เองที่บ้านแล้ว ยังทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋ากับงบซื้อกาแฟแก้วโปรดในร้านหรูได้ถึง 4 เท่า เพราะแคปซูลกาแฟ 1 อัน ราคาเพียง 20 บาทเท่านั้น แต่ข้อเสียของแคปซูลกาแฟคือส่วนใหญ่จะก่อให้เกิดขยะจากแคปซูลที่ใช้แล้ว ส่วนสำหรับกาแฟคั่วบดธรรมดานั้นข้อดีหลัก ๆ คือคุณสามารถชงดื่มได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องทำกาแฟแบบแคปซูล ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดขยะจากแคปซูลใช้แล้ว 100%หากคุณสนใจกาแฟบด เรามีข้อมูลเพิ่มเติมในหน้าเครื่องชงกาแฟอิตาลีของเรา

เครื่องดื่มชนิดใดที่คุณสามารถทำในเครื่องแคปซูลกาแฟได้

ไม่ใช่เพียงแค่เมนูกาแฟเท่านั้นที่สามารถใช้งานกับเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลได้ แต่สำหรับเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตอื่น ๆ เช่น ชาเขียวและช็อกโกแลตก็สามารถชงผ่านเครื่องทำกาแฟแบบพ็อดนี้ได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันมีแคปซูลกาแฟของหลายยี่ห้อที่ทำเครื่องดื่มเหล่านี้ออกมารองรับนักดื่มที่ชื่นชอบความหลากหลาย ทั้งยังมีแท้งค์ใส่นมสำหรับสำหรับเมนูเครื่องดื่มผสมนมอีกด้วย

ฉันสามารถใช้พ็อดอะไรบ้าง

เครื่องชงกาแฟแบบพ็อดแบ่งหลัก ๆ ได้ 2 ประเภทคือ เครื่องชงกาแฟแบบพ็อดสำหรับทำกาแฟเอสเพรสโซ่ เช่น ILLY Y3.2 IPERESPRESSO และ Nespresso รุ่น Pixie C Range สามารถชงเมนูเอสเพรสโซ่และลุงโก้ได้ และเครื่องชงกาแฟแบบพ็อดสำหรับหลากหลายเมนูกาแฟ ซึ่งสามารถทำลาเต้, ชาปูชิโน่, อเมริกาโน่ และเมนูเครื่องดื่มผสมนมอื่น ๆ ได้ เช่น  เครื่อง  GUSTO GENIO S PLUS และ Nespresso รุ่น Lattissima One 

สิ่งที่ควรมองหาในเครื่องชงกาแฟพ็อด

แม้เครื่องชงกาแฟแบบพ็อดจะมีหลักการทำงานเหมือน ๆ กัน แต่กลับรายละเอียดของส่วนประกอบของเครื่องแต่ละรุ่น ที่มีแยกความแตกต่างให้เครื่องชงกาแฟแบบพ็อดมีความสามารถในการชงกาแฟได้ต่างกัน ดังนี้

  • ขนาดถัง ขนาดถังหรือแท้งค์บรรจุน้ำ เป็นส่วนที่จะใช้ในการบรรจุน้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิปกติสำหรับใช้เป็นผ่านเข้าไปในแคปซูลกาแฟเพื่อให้ได้กาแฟแก้วโปรดของคุณ ส่วนใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 0.6 ลิตร ไปจนถึง 1 ลิตร ความแตกต่างของขนาดถัง ทำให้การชงกาแฟแต่ละรอบต่างกัน กล่าวคือ ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งสามารถชงกาแฟได้เยอะขึ้น ซึ่งทำให้สะดวกขึ้น เพราะไม่ต้องเติมน้ำบ่อย ๆ นั่นเองค่ะ
  • แถบความดัน แถบความดันหรือแรงดันน้ำที่จะส่งน้ำผ่านเข้าไปในแคปซูลกาแฟ ส่วนใหญ่มี 2 ขนาด คือ แรงดันน้ำขนาด 15 บาร์ และแรงดันน้ำขนาด 19 บาร์ ซึ่งแบบนี้สามารถดึงครีมม่ากาแฟออกมาได้ด้วยค่ะ
  • ฟองนม เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลที่จะสามารภทำฟองนมได้ แน่นอนว่าต้องมีแท้งค์บรรจุนมด้วย ซึ่งเครื่องรุ่นที่มีแท้งค์บรรจุนมจะมีตัวตีฟองนมมาให้ด้วย ทำให้สามารถทำเมนูได้หลากหลายขึ้น แต่ราคาค่อนข้างสูง
  • ขนาดเครื่องดื่ม ปริมาณเครื่องดื่มหรือกาแฟต่อหนึ่งแก้ว หากคำนวณโดยเครื่องชงแบบอัตโนมัติจะมีปริมาณของเอสเพรสโซ่แก้วละ 40 มิลลิลิตร และลุงโก้หรือเมนูกาแฟอืน ๆ แก้วละ 110 มิลลิลิตร ส่วนหากเป็เครื่องกึ่งอัตโนมัติสามารถกำหนดปริมาณได้เองเลยค่ะ
  • ขนาดรางน้ำ ขนาดรางน้ำหรือขนาดแท้งค์บรรจุน้ำ เป็นส่วนที่ทำให้สามารถชงกาแฟต่อเนื่องได้แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะมีขนาดตั้งแต่ 0.6 ลิตร (สามารถชงเมนูกาแฟทั่วไปได้ 3 -4 แก้ว) ไปจนถึง 1 ลิตร (สามารถชงเมน๔กาแฟทั่วไปได้ 3 – 5 แก้ว)
สิ่งที่ควรมองหาในเครื่องชงกาแฟแบบพ็อด

คำถามและคำตอบ

ฉันสามารถรีไซเคิลเมล็ดกาแฟที่ใช้แล้วได้หรือไม่?

ในช่วงแรกที่มีการผลิตเครื่องชงกาแฟแคปซูล ได้ก่อให้เกิดปัญหาขยะแคปซูลกาแฟใช้แล้วจำนวนมาก จนทำให้เกิดการแบนเครื่องชงกาแฟแคปซูลอยู่พักใหญ่ แต่แล้วทางผู้ผลิตก็ได้นำนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้สามารถนำแคปซูลกาแฟมารีไซเคิลได้ เช่น การทำแคปซูลกาแฟจากวัสดุอะลูมิเนียมและสแตนเลสของบริษัท Nespresso  ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำไปส่งให้ทางร้านของ Nespresso ทุกสาขา หรือสามารถส่งทางไปรษณีย์กลับไปที่บริษัทที่ออสเตรเลียได้ด้วย และปัจจุบันยังมีการใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายเพื่อลดปัญหาขยะอีกด้วยค่ะ

เครื่องชงกาแฟ Pod ทำความสะอาดง่ายหรือไม่?

เครื่องกาแฟแบบพ็อดถูกออกแบบมาให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ โดยควรถอดแท้งค์บรรจุน้ำออกมาล้างทุกวัน และต้องไม่ลืมเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์และส่วนอื่น ๆ ของเครื่องให้สะอาดอยู่เสมอด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถทำความสะอาดตัวกรองและแคปซูลของเครื่องได้ ด้วยการถอดออกมาล้างตามคู่มือที่ให้มากับเครื่องอย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้งค่ะ

Leave a Comment