สำหรับใครที่ต้องการดื่มด่ำกาแฟรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมกรุ่น และสามารถทำดื่มเองง่าย ๆ ได้ที่บ้านแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำเครื่องชงกาแฟอิตาลี ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชื่อว่าเครื่องชงเอสเพรสโซ่ หรือเครื่องชงกาแฟสดที่สามารถเจอะเจอได้ตามร้านกาแฟหรือคาเฟ่ทั่วไปนั่นเอง ซึ่งเครื่องชงกาแฟประเภทนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันการชงกาแฟที่ค่อนข้างหลากหลาย ช่วยรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดได้ตามใจชอบ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเครื่องครัวที่โดดเด่นด้านรูปลักษณ์และดีไซน์อันสวยหรู
เหมาะสำหรับเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องครัวไปในตัวได้อีกด้วย ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมหนุ่มสาวสมัยนี้จึงนิยมซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีติดบ้านไว้ ส่วนใครที่ยังไม่แน่ใจว่าควรซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีมาใช้ดีไหม หรือซื้อมาแล้วจะคุ้มค่าคุ้มราคาที่เสียไปหรือไม่ วันนี้เราได้รวบรวมเอาเครื่องชงกาแฟอิตาลีรุ่นแนะนำพร้อมทั้งวิธีการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานมาฝากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามมาอ่านกันได้เลย
8 เครื่องชงกาแฟอิตาลี
1. โดยรวมที่ดีที่สุด: GAGGIA Classic Pro Lazada/Shopee
2. งบประมาณที่ดีที่สุด: ETZEL Espresso Machine SN 203 Lazada/Shopee
3. ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น: SKG SK-1202 Lazada/Shopee
4. เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ: De'Longhi Automatic Magnifica Lazada/Shopee
5. เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: Nuova Simonelli Oscar II Lazada/Shopee
6. เครื่องชงกาแฟอิตาลีพร้อมบดในตัว: Breville BES870XL Lazada/Shopee
7. คุ้มค่าที่สุด: GAGGIA Viva Deluxe Lazada/Shopee
8. หม้อต้มกาแฟที่ดีที่สุด: Bialetti Moka Pot Lazada/Shopee
- กำลังมองหา เครื่องตีฟองนม ที่น่าซื้อในช่วงนี้
- เครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่ดีที่สุดในตอยนี้
เครื่องชงกาแฟอิตาลี ยี่ห้อไหนดี 2024
1. GAGGIA – Classic Pro
เครื่องชงกาแฟอิตาลีโดยรวมที่ดีที่สุด
- ใช้เวลาไม่นานในการตีฟอง
- ด้ามชงทองเหลืองอย่างหนาเคลือบโครเมียมขนาด 58 มม.
- ตะกร้าชง 3 ใบ
- แบบซิงเกิ้ลช๊อตหลายรู
- แบบดับเบิ้ลช๊อตหลายรู
- แบบดับเบิ้ลช๊อตรูเดียวแบบเพิ่มแรงดันในตัว
- ก้านตีฟองนมสเตนเลส
- สตีลสองทางแบบมืออาชีพ
- แรงดัน 15 บาร์
- ความจุน้ำ 2.1 ลิตร
- หม้อต้มอลูมิเนียมอโนไดซ์ ร้อนไว
- ราคาค่อนข้างสูง
เครื่องชงกาแฟอิตาลีขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมกับตัวถังทำจากสเตนเลสสตีลคุณภาพเยี่ยม แข็งแรง ทนทาน ขณะเดียวกันก็พร้อมช่วยรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดของคุณได้อย่างมืออาชีพด้วยด้ามชงขนาด 58mm ทำจากทองเหลืองเคลือบโครเมียมสามารถถอดเปลี่ยนตะกร้าชงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งขนาด Single Shot หลายรู ขนาด Double Shot หลายรู และขนาด Double Shot รูเดียว
และแม้ว่าเครื่องชงกาแฟอิตาลีสัญชาติอิตาลีอย่าง GAGGIA Classic Pro นี้จะมีขนาดเล็กกะทัดรัดสักแค่ไหน แต่ก็มาพร้อมกับตัวถังน้ำความจุมากถึง 2.1 ลิตร มั่นใจได้เลยว่าคุณไม่ต้องเติมน้ำบ่อย ๆ แน่นอน แถมยังมีปั๊มชงแรงดัน 15 บาร์ ช่วยให้อุณหภูมิและความดันในการชงกาแฟมีความเสถียรและรสชาติถูกปากมากยิ่งขึ้น หากใครที่ชื่นชอบฟองนมเนื้อเนียนนุ่นในแบบที่นำมาโปะหน้าแก้วกาแฟก็ดี หรือนำมาทำลาเต้อาร์ตก็ดี เครื่องชงกาแฟอิตาลีเครื่องนี้ก็มีก้านตีฟองนมที่ทำจากสเตนเลสสตีลอย่างดีสามารถปล่อยไอน้ำได้ทั้งสองทางเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องการใช้งานนั้นก็ง่ายแสนง่ายเพียงใช้ปุ่มกดแบบคลาสสิกจำนวน 3 ปุ่ม แถมมีการแสดงไฟขณะทำงานรวมถึงยังมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน 20 นาทีอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องชงกาแฟอิตาลีที่มีภาพโดยรวมดีที่สุดเครื่องหนึ่งเลยล่ะ ไม่ว่าจะช่วยชงกาแฟได้อย่างมืออาชีพแล้วยังสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แถมมาพร้อมกับรูปลักษณ์หรูหราช่วยเป็นเครื่องครัวประดับห้องครัวให้ดูดีมีสไตล์มากกว่าเดิมได้เช่นกัน
2. ETZEL Espresso Machine SN 203
เครื่องชงกาแฟอิตาลีงบประมาณที่ดีที่สุด
- กำลังไฟ 220-240 โวลต์, 50 เฮิรตซ์, 1050 วัตต์
- แรงดันน้ำ 20 บาร์
- ความจุถังน้ำ 1.6 ลิตร
- ขนาดตัวเครื่อง L27 x W25 x H30 ซม. ( packaging L33 x W31 x H34 ซม.)
- น้ำหนักตัวเครื่อง 3.4 กก. ( 4.5 kg. รวม packaging)
- อุปกรณ์ภายในกล่องชุดก้านชงธรรมดา
- เครื่องชงกาแฟสด ETZEL รุ่น SN – 203
- ก้านชง
- ถ้วยกรอง ขนาด 1 ช็อต และ 2 ช็อต
- ช้อนตักและกดกาแฟ
- พร้อมคู่มือภาษาไทย
- ราคาค่อนข้างสูง
หากคุณกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟอิตาลีหรือเครื่องชงเอสเพรสโซที่จะช่วยให้คุณประหยัดงบมากที่สุดอยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำ ETZEL Espresso Machine รุ่น SN-203 ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ฟังก์ชันหลากหลาย รังสรรค์เครื่องดื่มแก้วโปรดนอกเหนือจากกาแฟได้มากมาย ขณะเดียวกันก็มีอุปกรณ์ชงกาแฟที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นก้านชง ถ้วยกรอง ช้อนตักและกดกาแฟ เป็นต้น ที่สำคัญราคาหลักพันสบายกระเป๋าสตางค์แน่นอน ตัวเครื่องชงกาแฟอิตาลีและอุปกรณ์ชงกาแฟต่าง ๆ
จาก ETZEL เครื่องนี้ทำจากสเตนเลสคุณภาพเยี่ยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทั้งยังมีดีไซน์เรียบหรูมีระดับสไตล์เครื่องชงกาแฟอิตาลี และมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้งานที่บ้านก็ได้ ที่ออฟฟิศก็ดี แถมยังสามารถนำมาประดับห้องครัวของคุณให้ดูดีมากกว่าเดิม ส่วนเรื่องฟังก์ชันของเครื่องชงกาแฟอิตาลีเครื่องนี้ต้องขอบอกเลยว่าใช้งานง่ายมาก ๆ ด้วยปุ่มกด 5 ปุ่ม ที่ ได้แก่ ปุ่มเปิดปิด, ปุ่มสั่งการทำเครื่องอัตโนมัติที่มีให้เลือกทั้งแบบ 1 แก้วและ 2 แก้ว, ปุ่ม Manual, ปุ่ม Hot/Steam ที่จะช่วยมอบฟองนมเนื้อละเอียดเนียนนุ่ม แถมมีไฟบอกสถานะการทำงาน พร้อมทั้งเข้าโหมด standby ช่วยประหยัดพลังงานอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานประมาณ 4-5 นาที ได้อีกด้วย
3. SKG – SK-1202
เครื่องชงกาแฟอิตาลีดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น
- เหมาะสำหรับเมล็ดกาแฟคั่วบด ด้วยกำลังไฟ 1050W
- จุน้ำ 1.5 ลิตร แรงดันน้ำ 20 บาร์ แบบปุ่มสัมผัส
- เหมาะสำรับใช้ที่บ้าน สำนักงาน หรือร้านขนาดเล็ก
- สามารถ ใช้ไอน้ำ ตีฟองนม ได้
- ตัวเครื่องและอุปกรณ์ ทำจากสแตนเลส และพลาสติกเนื้อหนา คุณภาพเยี่ยม แข็งแรง ทนทาน
- ปุ่มกดอัตโนมัติ และไฟแจ้งสถานะ สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน
- สร้างสรรค์เครื่องดื่มได้หลายชนิด
- ราคาค่อนข้างสูง
มือใหม่หัดชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟอิตาลีมามุงตรงนี้ด่วน ๆ เพราะเครื่องชงกาแฟอิตาลี SKG รุ่น SK-1202 เครื่องนี้เขาขึ้นชื่อความใช้งานง่ายสะดวกสบายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยการสั่งการเพียงปลายนิ้วกับปุ่มกดแบบสัมผัส 5 ปุ่ม ทั้งปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่มเลือกชง 1 ช็อต, ปุ่มเลือกชง 2 ช็อต, ปุ่ม Manual ช่วยปรับระดับปริมาณเครื่องดื่มตามใจชอบ และปุ่ม Steam ช่วยสร้างฟองนมเนื้อเนียนนุ่ม พร้อมด้วยไฟแสดงขณะเครื่องทำงาน และยังมีปุ่มปรับระดับความแรงของไอน้ำอีกด้วย
ส่วนประสิทธิภาพในการชงกาแฟหรือเครื่องดื่มแก้วโปรดนั้น เครื่องชงกาแฟอิตาลีเครื่องนี้ก็มาพร้อมกับแรงดันน้ำที่ 20 บาร์ ที่จะช่วยให้รสชาติของกาแฟและเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ กำลังพอดี ไม่เสียรสชาติมากจนเกินไป ทั้งยังมีความจุของถังน้ำมากถึง 1.6 ลิตร ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำบ่อย เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และถ้าหากพูดถึงดีไซน์ตัวเครื่องชงกาแฟนั้นก็ต้องบอกเลยว่าเล็กกะทัดรัด ทำจากสเตนเลสคุณภาพเยี่ยม แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน มากไปกว่านั้นด้านบนตัวเครื่องสามารถวางแก้วกาแฟเพื่อวอร์มแก้วให้อุ่นได้อีกด้วย ส่วนแทงก์น้ำและถาดรองกาแฟนั้นก็สามารถถอดล้างทำความสะอาดสะดวกสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องชงกาแฟอิตาลีที่ตอบโจทย์มือใหม่หัดชงได้ดีเลยทีเดียวล่ะ
4. De'Longhi – Automatic Magnifica
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่ดีที่สุด
- กำลังไฟ 1450 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 1.8 ลิตร
- ความจุที่ใส่เมล็ดกาแฟ 250 กรัม
- แรงดัน 15 บาร์
- มีหัวตีฟองนมสำหรับทำคาปูชิโน
- หน้าจอ LCD แสดงการทำงาน พร้อมปุ่มเรืองแสง และชื่อเมนู ง่ายต่อการใช้งาน
- สามารถชงได้ทั้งกาแฟผงและแบบเมล็ด
- เครื่องบดแบบใหม่เงียบกว่า ปรับความละเอียดได้ 13 ระดับ
- สามารถปรับระดับน้ำ และความเข้มข้นของกาแฟได้
- มีระบบทำความสะอาดตัวเครื่องอัตโนมัติ
- มีที่อุ่นถ้วยกาแฟ พร้อมมีถาดรองน้ำหยด
- สามารถถอดอินฟิวเซอร์และถาดรองน้ำทำความสะอาดง่าย
- ราคาค่อนข้างสูง
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่จะช่วยให้การรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดหรือเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ง่ายดายกว่าเดิม ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายสั่งการง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะสั่งให้ชงกาแฟ 1 ช็อตหรือ 2 ช็อตก็ตาม รวมถึงเพิ่มฟองนมเนื้อละเอียดนุ่มลิ้นได้อีกด้วย และยังมีปุ่มแบบลูกบิดที่สามารถปรับระดับความเข้มข้นของกาแฟ ระดับน้ำ และระดับการบดเมล็ดกาแฟได้มากถึง 13 ระดับ และมั่นใจได้เลยว่าเครื่องชงกาแฟอิตาลีแบบอัตโนมัติ De'Longhi – Automatic Magnifica เครื่องนี้จะไม่ทำให้กาแฟหรือเครื่องดื่มของคุณเสียรสชาติอย่างแน่นอน
เพราะด้วยฟังก์ชันที่สามารถปรับระดับความเข้มข้นได้และมีระบบการทำงานที่แรงดันน้ำ 15 บาร์ที่เป็นระดับค่อนข้างเหมาะสมเลยทีเดียว ส่วนแทงก์น้ำก็จุได้มากถึง 1.8 ลิตร และมีช่องจุเมล็ดกาแฟ 200 กรัม ช่วยให้การชงกาแฟของคุณเป็นไปอย่างเรียบง่ายโดยไม่ต้องเติมน้ำหรือเมล็ดกาแฟบ่อยครั้ง ส่วนเรื่องดีไซน์ของเครื่องชงกาแฟเครื่องนี้ต้องบอกเลยว่ามีความทันสมัยทว่าแฝงความเรียบหรูคลาสสิกไว้อย่างเต็มที่ ด้วยตัวเครื่องสีดำ โดดเด่นด้วยแผงควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ จึงเหมาะนำมาวางในห้องครัว ห้องรับแขก หรือแม้กระทั่งห้องพักในออฟฟิศเพื่อเพิ่มความดูดีมีระดับและทำให้ดูเป็นมุมพักผ่อนอย่างแท้จริง
5. Nuova Simonelli – Oscar II
เครื่องชงกาแฟอิตาลีเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กมากที่สุด
- กำลังไฟฟ้า: 1,200 วัตต์ ความจุหม้อต้ม: 2 ลิตร ระบบการต่อน้ำเข้า: มี Tank ในตัว
- ราคาค่อนข้างสูง
หากใครกำลังต้องการที่จะริเริ่มธุรกิจขายกาแฟขนาดเล็ก แล้วกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟอิตาลีที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ ช่วยปรุงแต่งกาแฟแก้วโปรดที่อร่อยถูกปากทั้งคนชงคนชิม ขอแนะนำ Nuova Oscar II เครื่องชงกาแฟมาตรฐานอิตาลีที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดคลาสสิกเหมาะสำหรับร้านกาแฟหรือคาเฟ่ขนาดเล็กเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็มีความทนทานต่อการใช้งาน เนื่องจากโครงสร้างภายในเป็นเหล็ก ส่วนภายนอกทำจากสเตนเลสสตีลพร้อมด้วยพลาสติกชนิดพิเศษ ABS อีกทั้งหม้อต้มก็ทำจากทองแดง ด้ามชงก็ใช้ทองเหลืองชุบโครเมียมอย่างดีด้วย
ส่วนการทำงานของเครื่องชงกาแฟเครื่องนี้ก็ค่อนข้างมีประสิทธิภาพไม่แพ้เครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่เลยทีเดียว สั่งการทำงานง่าย ๆ เพียงกดปุ่ม ก็จะได้กาแฟแก้วโปรดที่มีรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมเพราะผ่านแรงดันน้ำที่พอเหมาะอยู่ที่ 15 บาร์ ทั้งยังมาพร้อมกับก้านสตรีมยาว ที่จะช่วยให้การสตรีมและการทำฟองนมง่ายมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่าแค่มีเครื่องชงกาแฟอิตาลี Nuova Oscar II เครื่องนี้ติดร้านกาแฟของคุณไว้สักเครื่อง ก็จะช่วยให้การชงกาแฟและเครื่องดื่มเมนอื่น ๆ เป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็ว มอบรสชาติที่อร่อยถูกปาก แถมยังช่วยตกแต่งร้านของคุณให้ดูหรูหราคลาสสิกมีระดับมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
6. Breville – BES870XL
เครื่องชงกาแฟอิตาลีพร้อมบดในตัวที่ดีที่สุด
- สามารถตั้งระดับน้ำได้ 2 ระดับคุณสมบัติของเครื่องชงกาแฟ Breville BES870Xl
- ตัวเครื่องเป็น Stainless Steel แข็งแรงทนทาน
- บดและสกัดในเครื่องเดียวกัน
- โถบดเป็นรูปกรวย สามารถควบคุมปริมาณได้
- หัวจ่ายน้ำร้อนในตัว ออกแบบมาเพื่อลดแรงดันการจ่ายน้ำ อุณหภูมิคงที่
- ระบบกรองน้ำป้องกันการเกิดตระกรัน
- แทมเปอร์หัวสแตนเลสหน้าตัด 54 mm. ออกแบบง่ายต่อการถอดเข้า-ออก
- วัสดุทำจากโพลีคาร์บอเนต เกรดดีหนาและทนทาน
- ควบคุมแรงดันด้วย Auto-Purge เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้
- อุ่นถ้วยด้านบนของตัวเครื่องเคลือบด้วยเทฟลอน
- ไฟเตือนให้ทำความสะอาด สามารถล้างเครื่องชงอัติโนมัติ
- ปุ่มกดจ่ายผงกาแฟสามารถกดแล้วบดทันทีโดยไม่ต้องจับ Free-Hand
- ปุ่มใช้งานออกแบบพิเศษ ไฟแสดงสถานะความพร้อม
- ระบบ Prefusion แบบแรงดันต่ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดเอสเปรสโซ่เข้มถึงขีดสุด
- มาตรวัดแรงดันขณะสกัด เพื่อควบคุมการช๊อต
- กำลังไฟ 1,700 วัตต์
ยกระดับการชงกาแฟให้มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิมด้วย เครื่องชงกาแฟอิตาลีที่มาพร้อมกับเครื่องบดในตัวอย่าง Breville รุ่น BES870XL ที่สามารถบดเมล็ดกาแฟและสกัดน้ำกาแฟออกมาได้ในเครื่องเดียว มอบรสชาติกาแฟที่สดใหม่ เข้มข้น และกลมกล่อมเหมือนไปนั่งดื่มที่ร้านกาแฟราคาแพงเลยทีเดียว มากไปกว่าการมีเครื่องบดในตัว เครื่องชงกาแฟอิตาลีสัญชาติออสเตรเลียเครื่องนี้ยังมีคุณสมบัติโดดเด่นมากมายพร้อมให้คุณตัดสินใจเป็นเจ้าของทันที ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องที่มีดีไซน์เรียบง่าย ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป
ขณะเดียวกันก็มีความทนทานสูงเนื่องจากทำจากสเตนเลสตีลอย่างดี, มีนวัตกรรม The Razor ช่วยปรับแต่งหน้ากาแฟให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม, มี Tamper มาในตัวจะหยิบออกมาใช้หรือใช้แบบ Built-in ก็ได้ทั้งยังมีระบบช่วยให้การชงกาแฟมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยการตั้งระดับน้ำแบบ 1 ช็อตหรือ 2 ช็อตก็ได้ พร้อมด้วยระบบ Prefusion แบบแรงดันต่ำที่จะช่วยให้รสชาติของช็อตกาแฟมีความเข้มข้นสูงไม่เสียรสชาติ หรือจะสตรีมฟองนมแบบไม่ต้องกลัวท่อจะร้อนหูจับ Balljoint ที่สามารถปรับได้ 360 องศา ขณะเดียวกันก็สามารถชงกาแฟได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุดด้วยแทงก์น้ำจุได้มากถึง 2 ลิตรเลยทีเดียว
7. GAGGIA – Viva Deluxe
เครื่องชงกาแฟอิตาลีคุ้มค่าที่สุด
- ก้านชง Pressurised ครีม่าสวย ไม่ต้องใช้แทมเปอร์
- ก้านตีฟองนมแบบคลาสสิค
- ใช้ได้ทั้งกาแฟที่บดแล้วหรือแบบพอตบรรจุสำเร็จ
- แรงดัน 15 บาร์
- ถังจุน้ำ 1 ลิตร
- ตัวเครื่อง ABS และ สเตนเลส สตีล
- กำลังไฟ 1025 วัตต์
เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพอันทรงพลังและฟังก์ชันที่หลากหลายในเครื่องเดียว รับประกันความคุ้มค่าคุ้มราคาที่สบายกระเป๋าสตางค์เป็นอย่างมาก ตัวเครื่องถูกออกแบบด้วยวัสดุ ABS พลาสติกชนิดพิเศษร่วมกับสเตนเลสสตีลขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทาน ดีไซน์เรียบหรูคลาสสิก
เครื่องชงกาแฟ GAGGIA VIVA DELUXE พร้อมช่วยรังสรรค์เมนูกาแฟแก้วโปรดรสชาติเข้มข้น กลมกล่อมด้วยก้านอัดชงกาแฟที่มาพร้อมกับแรงดันที่เหมาะสมโดยไม่ต้องกดกาแฟหรือง้อแทมเปอร์อีกต่อไป ซึ่งก็ใช้ได้กับกาแฟชนิดบดแล้วหรือแบบพอดบรรจุสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้กาแฟเสียรสชาติความเข้มข้นด้วยปั๊มชงแรงดัน 15 บาร์ นอกจากนี้เครื่องชงกาแฟอิตาลีเครื่องนี้ยังมีฟังก์ชันที่ครบครัน เหมาะสำหรับการรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดได้แบบครบสูตร อย่างก้านตีฟองนมทำจากสเตนเลสช่วยให้ได้ฟองนมเนื้อเนียนละเอียดนุ่มลิ้นอย่างรวดเร็ว และที่วางวอร์มแก้วกาแฟด้านบนตัวเครื่องอีกด้วย เรียกได้ว่าฟังก์ชันครบจบในเครื่องเดียว คุ้มค่าคุ้มราคาไม่น้อยเลยทีเดียว
8. Bialetti – Moka Pot
เครื่องชงกาแฟอิตาลีหม้อต้มกาแฟที่ดีที่สุด
- ผลิตจากอลูมิเนียมและสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง
- ทำให้อุณหภูมิในการชงกาแฟเหมาะสม รสชาติกาแฟที่ได้จะหอมละมุนกลมกล่อมเหมือนกันทุกครั้ง
- มี Inspection valve ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Bialetti
- ทนทาน ใช้งานง่าย
- สามารถพกพาไปใช้ได้ทุกที่
- เตาแก๊ส และเตาไฟฟ้า
- ใช้ไม่ได้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า
นอกจากเครื่องชงกาแฟอิตาลีขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันที่ครบครันแล้ว Moka Pot หรือหม้อต้มกาแฟขนาดกะทัดรัดตัวนี้ก็เป็นที่นิยมในหมู่คอฟฟี่เลิฟเวอร์ไม่น้อยเลยทีเดียว ขอแนะนำ Bialetti – Moka Pot หม้อต้มกาแฟสัญชาติอิตาลี ผลิตจากอลูมิเนียมคุณภาพเยี่ยม น้ำหนักเบา กันความร้อนได้ดี ที่จะช่วยรังสรรค์ช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่หอมกรุ่น รสชาติเข้มข้นให้คุณได้มากถึง 3 แก้วเลยทีเดียวและใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ได้กาแฟกลิ่นหอมกรุ่นรสชาติถูกปาก
ไม่ว่าจะใช้หม้อต้มกาแฟบนเตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าก็ตาม อีกทั้งขนาด หม้อต้มกาแฟนี้ยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 0.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายที่สำคัญด้ามจับหม้อต้มกาแฟก็ทำจากซิลิโคนกันความร้อน จับแล้วไม่ร้อนมืออย่างแน่นอน ฉะนั้นหากใครกำลังมองหาหม้อต้มกาแฟขนาดกะทัดรัด ช่วยชงกาแฟให้ได้รสชาติที่เข้มข้น ไม่เสียรสกาแฟอยู่ล่ะก็ หม้อต้มกาแฟ หรือ Moka Pot จาก Bialetti ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยล่ะ
คู่มือการซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลี
ในปัจจุบันนี้เราไม่จำเป็นต้องไปนั่งดื่มกาแฟสดที่ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ก็ได้ เพราะบริษัทผลิตเครื่องชงกาแฟหลากหลายแบรนด์ได้หันมาผลิตเครื่องชงกาแฟอิตาลีหรือเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับไว้ชงดื่มเองที่บ้าน ที่ออฟฟิศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังเป็นมือใหม่หัดชงที่ยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีรูปแบบไหนดีที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองได้มากที่สุด ฉะนั้นลองมาศึกษาวิธีการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีกันเถอะ
เลือกจากประเภทของเครื่องชงกาแฟอิตาลี
แม้ว่าเครื่องชงกาแฟอิตาลีจะมีรูปร่างหน้าตาที่ค่อนข้างเหมือนกันไปเสียหมด แต่จริง ๆ แล้วเครื่องชงกาแฟอิตาลีนั้นสามารถแยกย่อยได้ 3 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน แต่จะมีวิธีการใช้งาน หรือข้อดีข้อเสียแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ตามมาอ่านกันได้เลย
เครื่องชงกาแฟอิตาลีประเภท Manual
เครื่องชงกาแฟที่ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์สุดแสนจะวินเทจและวิธีการชงสุดคลาสสิก ช่วยให้คุณได้ลงมือปรุงแต่งเครื่องดื่มแก้วโปรดได้ตามใจชอบในทุก ๆ ขั้นตอน ทว่าเครื่องชงกาแฟอิตาลีประเภท Manual นั้นจำเป็นต้องมีทักษะหรือสกิลในการชงกาแฟที่สูงมาก
และจะต้องมีเวลาเหลือเฟือในการทดลองรังสรรค์เครื่องดื่มแต่ละแก้วอีกด้วย เพราะกว่าจะได้ช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่หอม ๆ มาสักหนึ่งช็อตนั้นค่อนข้างลำบากยากเย็น แต่ขณะเดียวเดียวกันก็ถือเป็นการทดลองสิ่งใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงรสชาติกาแฟแก้วโปรดได้โดนใจมากยิ่งขึ้น
เครื่องชงกาแฟอิตาลีแบบ Semi-Automatic
หากคุณเป็นมือใหม่หัดชงแล้วล่ะก็ เครื่องชงกาแฟอิตาลีระบบ Semi-Automatic จะเป็นประเภทเครื่องกาแฟที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากที่สุดเลยทีเดียว เพราะเพียงแค่สั่งการผ่านปลายนิ้วน้ำกาแฟก็พร้อมถูกสกัดออกมาจนส่งกลิ่นหอมกรุ่นได้อย่างเต็มที่แล้วล่ะ ที่สำคัญเครื่องชงกาแฟประเภทนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากอีกด้วย ทำให้มีหลากหลายรูปแบบ
หลากหลายราคาแต่ถูกหลักพันไปจนถึงแพงหลักหมื่นกันเลยทีเดียว อย่างเช่น เครื่องชงกาแฟอิตาลี ETZEL รุ่น SN-203 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันช่วยชงกาแฟครบครันทว่าราคาน่ารักไม่กี่พันบาทเท่านั้น หรือจะเป็นเครื่องชงกาแฟอิตาลี Nuova Oscar II ซึ่งเป็นระบบ Semi-Automatic ช่วยรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดได้ระดับมืออาชีพมาในราคาเกือบครึ่งแสน! เป็นต้น
เครื่องชงกาแฟอิตาลีแบบ Fully Automatic
สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดทันใจ แถมไม่เสียรสชาติของกาแฟแท้ ๆ เครื่องชงกาแฟอิตาลีแบบ Fully Automatic ก็พร้อมสนองความต้องการของคุณได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเครื่องชงกาแฟอิตาลีประเภทนี้จะมาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลาย ช่วยให้การชงกาแฟสดดื่มเองที่บ้านเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟที่เครื่องชงกาแฟพวกนี้ก็สามารถทำได้ สั่งการการสกัดน้ำกาแฟออกมาให้ไม่เสียรสชาติได้ง่าย ๆ
เพียงปลายนิ้ว ขณะเดียวกันก็สามารถปรับฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติถูกปากมากที่สุด ฉะนั้นหากใครมีงบประมาณที่มากพอ ก็สามารถลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีแบบ Fully Automatic ติดบ้านไว้สักเครื่องเพื่อให้การชงกาแฟในแต่ละวันของคุณเป็นไปอย่างง่ายดายและประหยัดเวลามากกว่าเดิมก็ได้นะ อย่างเช่น เครื่องชงกาแฟอิตาลี De'Longhi – Automatic Magnifica ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการชงกาแฟอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ แถมมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและตอบโจทย์คอกาแฟได้มากที่สุด
คำนึงถึงแรงดันที่เหมาะสม
แรงดันน้ำภายในเครื่องชงกาแฟนั้นเป็นสิ่งที่คอกาแฟทั้งหลายควรคำนึงถึงเวลาเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากแรงดันภายในเครื่องชงน้อยเกินไปก็อาจทำให้การสกัดน้ำกาแฟค่อนข้างช้าแถมมีรสชาติที่ไม่เข้มข้น หรือถ้ามีแรงดันสูงเกินไปก็จะทำให้กาแฟแก้วนั้นขมจนเสียรสชาตินั่นเอง ฉะนั้นเวลาเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีก็อย่าลืมนึกถึงเรื่องแรงดันน้ำของเครื่องชงด้วยว่าอยู่ระดับที่เท่าไหร่ ซึ่งระดับแรงดันที่
เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 8-10 บาร์ หากเกินกว่านี้อาจทำให้รสชาติของกาแฟเข้มข้นมากกว่าเดิมได้สำหรับผู้ที่มองหาวิธีชงกาแฟที่ง่ายกว่า ทำไมไม่ลองใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลหรือเครื่องกดแบบฝรั่งเศสที่ใช้งานง่ายสุด ๆ
มองหาฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ
นอกจากการพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการชงกาแฟของเครื่องชงกาแฟแต่ละเครื่องแล้ว ก็อย่าลืมมองหาฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ที่จะช่วยรังสรรค์เครื่องดื่มแก้วโปรดของเราให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชงกาแฟที่มาพร้อมกับเครื่องบดเมล็ดกาแฟในตัว
ช่วยให้เราไม่ต้องซื้อเครื่องบดกาแฟแยก, ที่อุ่นแก้วกาแฟด้านบนตัวเครื่อง, ปุ่มสั่งการสกัดน้ำกาแฟได้หลายช็อตในครั้งเดียว หรือแม้แต่ก้านสตีมฟองนมที่พร้อมมอบฟองโฟมนมเนื้อเนียนละเอียดให้กาแฟของคุณมีรสชาติที่ละมุนกลมกล่อมมากกว่าเดิม
ดูแลทำความสะอาดง่าย
ต่อให้เครื่องชงกาแฟจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีราคาแพง ดีไซน์หรูหรามากน้อยแค่ไหน หรือจะช่วยปรุงแต่งเครื่องดื่มแก้วโปรดให้ถูกปากโดนใจคุณมากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่ายแล้วล่ะก็ นั่นคงเครื่องชงกาแฟที่ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวของคุณได้อีกต่อไปแล้วล่ะ ฉะนั้นเราจึงอยากแนะนำว่าก่อนเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีสักเครื่องนั้นก็ควรศึกษารายละเอียดหรือคุณสมบัติเพิ่มเติมของเครื่องชงกาแฟเครื่องนั้น ๆ
ว่าสามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้ท่อหรือรูภายในอุดตัน จนเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ซึ่งเครื่องชงกาแฟอิตาลีที่สามารถถอดอุปกรณ์การชงบางส่วนออกมาล้างทำความสะอาดได้นั้น ได้แก่ De'Longhi รุ่น Automatic Magnifica ที่สามารถถอดหัวชงกาแฟออกมาทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หรือแทงก์น้ำและถาดรองกาแฟของเครื่องชงกาแฟอิตาลี SKG รุ่น SK-1202 ก็สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้เช่นกัน
ใช้งานสะดวกสบาย
ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องชงกาแฟนั้นก็ต้องมาพร้อมกับการใช้งานง่ายสะดวกสบายอยู่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันไปว่าเครื่องชงกาแฟอิตาลีแต่ละประเภทนั้นก็มีวิธีการใช้งานหรือข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป อาจทำให้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีทักษะการชงกาแฟด้วยเครื่องก็เป็นได้ ดังนั้นถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดชง
ก็ควรเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟที่มีฟังก์ชันการใช้งานง่าย ๆ อาจจะสั่งการเพียงปลายนิ้วสัมผัสปุ่มต่าง ๆ หรือเลือกเครื่องชงกาแฟที่มาพร้อมกับฟังก์ชันเสริมอย่างพวกตัวช่วยบดเมล็ดกาแฟ หรือก้านช่วยสตีมฟองนมก็ได้ เท่านี้คุณก็จะสามารถรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดได้ง่าย ๆ ในระยะเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นแล้วล่ะ สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งคอกาแฟรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วนแน่นอน อย่างไรก็ดี นอกจากจะเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอิตาลีจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ รุ่นที่น่าสนใจ
หรือดีไซน์ที่สวยหรูสะดุดตาแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงประเภทของเครื่องชงกาแฟว่าจะเหมาะกับการใช้งานของเราหรือมีการใช้งานที่ยาก-ง่ายเกินความสามารถของเราหรือไม่ มีฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ที่จะช่วยให้การรังสรรค์กาแฟแก้วโปรดของเราให้สมบูรณ์มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง รวมถึงง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษาให้เครื่องใช้งานได้ระยะยาวมากน้อยแค่ไหนกันด้วยนะ