เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น เพราะนอกจากจะไม่ต้องกังวลในการหาปลั๊กเสียบแล้ว ยังไม่ต้องคอยดึงสายไฟให้ยุ่งยาก และยิ่งในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่ใส่ใจเรื่องปัญหาสุขภาพกันมากขึ้น บวกกับเทคโนโลยีการทำงานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย
ก็ยิ่งส่งผลให้เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายได้รับความนิยมมากตามไปด้วย ดังนั้นในบทความนี้เราจึงได้นำทริคในการเลือกซื้อรวมทั้งได้แนะนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยอดนิยม และทรงประสิทธิภาพมาให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้และเลือกซื้อกันค่ะ
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024
7 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
1. โดยรวมที่ดีที่สุด: Dyson V12 Detect Slim™ Lazada/Shopee
2. งบประมาณที่ดีที่สุด: Deerma VC20 Lazada/Shopee
3. ดีที่สุดสำหรับขนสัตว์เลี้ยง: Tefal Airforce TY9079 Lazada/Shopee
4. น้ำหนักเบาที่สุด: Dyson V8 Slim Fluffy + Lazada/Shopee
5. สุดยอดโมเดล 2-in-1: Philips Power Pro Aqua Lazada/Shopee
6. ดีที่สุดสำหรับพื้นแข็ง: BISSELL Vacuum & Steam Cleaner Lazada/Shopee
7. เหมาะสำหรับ ซอกมุม หรือพื้นที่แคบ ๆ : TEFAL Stick TY9471 Lazada/Shopee
- กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี น่าใช้
- เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ยี่ห้อไหนดี เสียงเงียบ ประหยัดพลังงาน
7 เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ยี่ห้อไหนดีปี 2024
1. Dyson V12 Detect Slim™
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย โดยรวมที่ดีที่สุด
- ใช้งานได้อเนกประสงค์และหลากหลาย
- กำลังแรงสูง ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- มีหัวดูดมาให้ถึง 5 แบบ สามารถทำความสะอาดได้หลายจุด
- รับประกันให้กว่า 2 ปี
- ระบบชาร์จไฟอัจฉริยะ เพียงตั้งไว้ที่แท่น
- ใช้งานติดต่อกันได้เพียง 1 ชั่วโมง
- มีน้ำหนักมาก
- ราคาแพง
สำหรับเครื่องดูดฝุ่น Dyson รุ่น V12 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งจะช่วยให้การทำความสะอาดพื้นหรือพื้นที่ต่าง ๆ ในตัวบ้านเป็นเรื่องง่าย ด้วยตัวเครื่องที่ใช้พลังมอเตอร์ Dyson Hyperdymium ที่มีความเร็วถึง 125,000 รอบ/ วินาที ทรงประสิทธิภาพและทำงานได้อย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับหัวดูดมากถึง 5 แบบ ใช้งานได้กับทุกสภาพพื้นผิว
และมีระบบทิ้งฝุ่นที่ออกแบบมาให้ทิ้งลงถังโดยที่ฝุ่นไม่กระจาย อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บและชาร์จไฟได้ในทีเดียวเพียงวางบนแท่นชาร์จที่ออกแบบมาให้ยึดติดกับผนังได้ ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ นอกจากนี้ยังใช้งานได้ยาวนานติดต่อกันถึง 1 ชั่วโมง
และมีหน้าจอแสดงสถานะแบบ LCD มาให้อีกด้วยสำหรับในภายในกล่องของ Dyson V12 Detect Slim™ ก็จะประกอบไปด้วย ตัวเครื่องดูดฝุ่น Dyson รุ่น V12, หัวดูดทำความสะอาด 5 แบบ, แปรงปัดแบบขนนุ่ม, แปรงดูดสำหรับฝุ่นฝังแน่น และแท่นชาร์จที่มาพร้อมแท่นวางเครื่องดูดฝุ่นและอุปกรณ์เสริม พิเศษสุดคือมีการรับประกันสินค้าให้กว่า 2 ปี ด้วยล่ะค่ะ
2. Deerma VC20
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย งบประมาณที่ดีที่สุด
- ราคาถูก และสามารถใช้งานได้จริง
- มีหัวดูดและแปรงมาให้ 3 แบบ ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์
- มีรับประกันสินค้า 1 ปี และยังเปลี่ยนคืนได้เมื่อเครื่องมีปัญหาภายใน 1 สัปดาห์
- เสียงไม่ดังมาก ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ
- มีกำลังไฟน้อย
- ใช้งานติดต่อกันได้เพียง 30 นาที
Deerma VC20 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ขนาดเล็กน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัม แถมยังราคาประหยัดและสามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ เพราะมีหัวดูดและหัวแปรงให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย จึงเหมาะกับการทำความสะอาดพื้น, เบาะรถยนต์, ผ้าม่าน, โซฟา และซอกมุมต่าง ๆ
ในบ้านได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าจะเครื่องเล็กแค่สเปกก็จัดว่าคุ้มค่า เพราะให้กำลังไฟมาที่ 100 วัตต์ ทั้งยังมีระบบการกรองไซโคลนภายในช่วยดักจับฝุ่น และป้องกันฝุ่นเข้าไปในตัวเครื่องได้ด้วยซึ่งมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 2,200 mAh ที่สามารถใช้งานติดต่อกันได้นานสุด 30 นาที ที่สำคัญคือเสียงค่อนข้างเบา 75 เดซิเบลเท่านั้นค่ะมาดูที่ภายในกล่องกันบ้าง
ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดูดฝุ่นรุ่น Deerma VC20, หัวดูดฝุ่น 3 แบบ (รวมทั้งแบบ 2 in 1), หัวแปรงถูพื้น, อะแดปเตอร์ไฟฟ้า และท่อต่อ พร้อมกับการรับประกันเต็ม 1 ปี และหากสินค้ามีปัญหาสามารถเปลี่ยนคืนได้ภายใน 1 สัปดาห์ค่ะ
3. Tefal Airforce TY9079
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ดีที่สุดสำหรับขนสัตว์เลี้ยง
- ด้ามจับสามารถงอได้ ทำความสะอาดได้ทุกวอกทุกมุม
- ราคาไม่แพงมาก เหมาะสมกับคุณสมบัติและประสิทธิภาพการใช้งาน
- มีหัวดูดและหัวแปรงให้เลือกหลายแบบ ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม
- มีไฟ LED ช่วยให้มองเห็นในที่มืดและที่แคบ
- มีรับประกันสินค้า 2 ปี
- ใช้งานติดต่อกันได้เพียง 30 นาที
สำหรับใครที่เป็นทาสน้องหมา น้องแมว ต่างก็เคยประสบปัญหาเรื่องขนของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณที่กระจายไปทั่วทุกมุมบ้าน ดังนั้นเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายจาก Tefal รุ่น Airforce TY9079 จึงได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เจ้าของบ้าน
โดยการใช้นวัตกรรมด้ามจับแบบงอได้ ช่วยให้สามารถสอดเข้าไปได้ตามซอกตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างดี ทั้งยังมีไฟ LED ที่หัวดูด ช่วยให้มองเห็นฝุ่นได้ในพื้นที่มืดและแคบที่แสงส่องเข้าไปไม่ถึงอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีหัวดูดและหัวแปรงให้เลือกมากว่า 6 แบบ ซึ่งที่น่าสนใจก็คือหัวแปรง Easy Brush ที่เป็นแปรงแบบละเอียดสามารถดูดฝุ่นตามซอกทีวีหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วย
ส่วนอีกตัวคือหัวดูด Up Top Tool ที่ไว้ใช้สำหรับดูดฝุ่นบนตู้สูง ๆ โดยเฉพาะส่วนสิ่งที่คุณจะได้รับภายในกล่อง ก็จะประกอบไปด้วย เครื่องดูดฝุ่น Tefal รุ่น Airforce TY9079, หัวดูดและหัวแปรง และอุปกรณ์ชาร์จไฟและแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังมีการรับประกันมอเตอร์ให้ถึง 2 ปี
4. Dyson V8 Slim Fluffy +
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย น้ำหนักเบาที่สุด
- น้ำหนักเบา เหมาะกับผู้หญิง
- ช่องเก็บฝุ่นชนาดใหญ่ ไม่ต้องเปลี่ยนหรือทำความสะอาดบ่อย
- ใช้งานได้อเนกประสงค์ มีหัวดูดและหัวแปรงให้เลือกหลายแบบ ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม
- มีรับประกันสินค้า 2 ปี
- ใช้งานติดต่อกันได้เพียง 30 นาที
- ราคาค่อนข้างสูง
เครื่องดูดฝุ่น Dyson รุ่น V8 Slim Fluffy + เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่เหมาะกับสาว ๆ หรือคุณแม่บ้านที่ต้องทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ และต้องการความเบา สบาย และใช้งานได้สะดวก โดยไม่ต้องพะวงกับสายไฟ สามารถใช้งานได้ทุกที่ และไม่เมื่อยมือ เมื่อยแขนเมื่อต้องใช้งานนาน ๆ เพราะตัวเครื่องมีน้ำหนักเพียง 2 กิโลกรัมเท่านั้น
และยังมีหัวดูดและแปรงสำหรับทำความสะอาดที่มีให้เลือกหลายแบบ โดยแบบที่ช่วยประหยัดแรงที่สุดที่เราขอนำเสนอคือหัวดูดไรฝุ่น ที่เหมาะกับการดูดฝุ่นจากที่นอน หมอน และโซฟา นอกจากนี้ยังมีกำลังเครื่อง 425 วัตต์ สามารถดูดได้แรงและเร็วในระดับที่น่าพอใจ ทั้งยังมีช่องเก็บฝุ่นขนาดความจุ 0.5 ลิตร ที่ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ
ด้วยค่ะสำหรับอุปกรณ์ที่จะได้รับประกอบด้วย เครื่องดูดฝุ่น Dyson รุ่น V8 Slim Fluffy + ที่มาพร้อมกับหัวดูดและหัวแปรง และอุปกรณ์การชาร์จไฟครบครัน ทั้งนี้ตัวเครื่องยังใช้งานง่ายดาย และทนทานทาน พร้อมทั้งถอดอุปกรณ์ออกมาล้างได้อย่างง่ายดาย คุณผู้หญิงจึงไม่ควรพลาดค่ะ
5. PHILIPS FC6167/01
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย สุดยอดโมเดล 2-in-1
- ออกแบบเป็น 2 in 1 สามารถใช้งานได้ทั้งแบบด้ามจับและแบบพกพา
- สามารถทำการ ดูด – เช็ด – ถู ได้ในขั้นตอนเดียว
- มีชุดอุปกรณ์ถูกพื้นมาให้ด้วย
- ใช้งานติดต่อกันได้นานกว่า 1 ชั่วโมง
- รับประกันสินค้า 1 ปี
- เครื่องหนักเมื่อเทียบกับสินค้าเครื่องดูดฝุ่นตัวอื่น
หากใครที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถใช้งานได้ทั้งงานหนักและงานเบาในเครื่องเดียวกัน เราขอแนะนำ Philips Power Pro Aqua ตัวนี้ให้คุณเลือกพิจารณาค่ะ เพราะนอกจากจะผลิตจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาตรฐานระดับสากลแล้ว ยังมีการออกแบบตัวเครื่องให้ใช้งานได้ 2 แบบ
คือ แบบใช้งานพร้อมด้ามจับและแบบพกพา ทั้งยังมีหัวแปรงทำความสะอาดที่หลากหลาย โดยที่โดดเด่นและนับว่าน่าสนใจมาก คือ หัวแปรงทำความสะอาดพื้นแบบ 3 in 1ที่มาพร้อมกับผ้าไมโครไฟเบอร์ มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบใช้งานกับพื้นทั่วไปและใช้งานกับพื้นที่บอบบาง และยังสามารถใช้ซ้ำได้อีกด้วย โดยตัวผ้าจะทำงานร่วมกับและหัวถูพื้น
ที่สามารถทำความสะอาดได้ครบในครั้งเดียว 3 สเต็ป ดูด – เช็ด – ถู นอกจากนี้ยังมีพลังแบตเตอรี่ 25.2 วัตต์ สามารถใช้งานได้นานถึง 1 ชั่วโมง เลยทีเดียวสำหรับใครที่สนใจเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ คุณก็จะได้รับเครื่องดูดฝุ่น, หัวดูดและหัวแปรง, ชุดผ้าไมโครไฟเบอร์และหัวถูพื้น พร้อมกับอุปกรณ์ชาร์จไฟพร้อมแท่นชาร์จ ทั้งยังมีการรับประกันสินค้าให้อีก 1 ปี
6. BISSELL Vacuum & Steam Cleaner
เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ดีที่สุดสำหรับพื้นแข็ง
- มีเทคโนโลยีการทำงานอัจฉริยะ ทำความสะอาดได้หมดจดในขั้นตอนเดียว
- ฆ่าเชื้อโรคได้มากถึง 99%
- กำลังแรงดี ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ
- รับประกันมอเตอร์ 2 ปี
- เครื่องหนักเมื่อเทียบกับสินค้าเครื่องดูดฝุ่นตัวอื่น
- มีหัวดูดให้มาเพียง 1 หัว เหมาะกับการใช้งานสำหรับพื้นแข็งเท่านั้น
ที่สุดของนวัตกรรมเครื่องดูดฝุ่นที่ช่วยทำความสะอาดพื้นผิวได้อย่างสะอาดหมดจดในครั้งเดียว เพราะ Philips Power Pro Aqua เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบแบบไร้สายที่มีความสามารถดูดฝุ่นได้อย่างหมดจด พร้อมกับมีเทคโนโลยีในการสตรีมไอน้ำที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้มากถึง 99% ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคราบสกปรกที่เหนอะหนะพื้น
อย่างคราบน้ำหรือน้ำเชื่อม ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ เพียงไม่ถึง 1 นาที เหมาะกับพื้นบ้านพื้นที่เป็นวัสดุพื้นแข็ง เช่น พื้นไม้ลามิเนต พื้นปูนลอฟท์และพื้นกระเบื้องยาง เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของการถอดตัวกรองออกมาทำความสะอาดก็ยังทำง่ายและปลอดภัย
ไม่เสี่ยงต่อการกระจายตัวของฝุ่น เพราะใช้วิธีการปั๊มดันฝุ่นลงไปที่ถังขยะโดยตรง ส่วนอุปกรณ์ที่คุณจะได้รับประกอบไปด้วย เครื่องดูดฝุ่นแบบสตรีมไอน้ำ Philips Power Pro Aqua, หัวดูดทำความสะอาด 1 หัว และชุดอุปกรณ์ชาร์จไฟ พร้อมทั้งรับประกันมอเตอร์ 2 ปี
7. TEFAL Stick Vacuum Cleaner – TY9471
เหมาะสำหรับ ซอกมุม หรือพื้นที่แคบ ๆ
- มีเทคโนโลยีการทำงานอัจฉริยะ ทำความสะอาดได้หมดจดในขั้นตอนเดียว
- ฆ่าเชื้อโรคได้มากถึง 99%
- กำลังแรงดี ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ
- รับประกันมอเตอร์ 2 ปี
- เครื่องหนักเมื่อเทียบกับสินค้าเครื่องดูดฝุ่นตัวอื่นมีหัวดูดให้มาเพียง 1 หัว เหมาะกับการใช้งานสำหรับพื้นแข็งเท่านั้น
สัมผัสความสะดวกสบายในการทำความสะอาดบ้าน กับเครื่องดูดฝุ่น TEFAL Stick Vacuum Cleaner รุ่น TY9471 ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการออกแบบด้ามจับให้สามารถงอได้ เพื่อให้การทำความสะอาดที่นอน โซฟา ซอกมุม หรือพื้นที่แคบ ๆ อย่างใต้โต๊ะหรือใต้เตียงสามารถทำได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำหรับตัวด้ามและหัวดูดสามารถงอได้ถึง 5 ส่วน และยังมีกำลังในการดูดฝุ่นมากกว่า 100 Air Watts
จึงมั่นใจได้ว่าพื้นบริเวณนั้นจะสะอากหมดจด และยังใช้เวลารวดเร็วกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้แบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออนความจุ 21.6 โวลต์จึงใช้ติดต่อกันได้นานนับชั่วโมงสำหรับ TEFAL Stick Vacuum Cleaner – TY9471 ตัวนี้ ประกอบด้วยตัวเครื่องดูดฝุ่น, หัวแปรงและหัวดูดสำหรับทำควาสะอาด และอุปกรณ์ในการชาร์จไฟ พร้อมการรับประกันมอเตอร์สินค้าให้ 2 ปี
คู่มือการซื้อเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
ฉันจะเลือกเครื่องดูดฝุ่นไร้สายได้อย่างไร?
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ในเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย เป็นอุปกรณ์ที่นับว่าสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะหากไม่มีแบตเตอรี่แล้ว เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายก็จะไม่สามารถใช้งานได้ โดยปกติแบตเตอรี่ที่นิยมใช้จะเป็นแบบลิเทียมไอออน (Li-Ion) ที่จะทำหน้าที่จ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์
เราจึงสามารถใช้งานเครื่องดูดฝุ่นได้แบบไม่ต้องเสียบปลั๊ก แต่ข้อเสียคือ แบตเตอรี่จะหมดไว โดยสำหรับเครื่องที่มีความจุแบตเตอรี่สูงส่วนมากหากใช้งานต่อเนื่องจะใช้ได้เพียง 1 ชั่วโมง และสำหรับเครื่องที่มีความจุแบตเตอรี่ต่ำหรือใช้งานในโหมดที่กินพลังงานสูงจะใช้งานได้เพียง 15 – 30 นาทีเท่านั้นค่ะ นอกจากนี้ยังพบว่าหากใช้ไป 2 – 3 ปี
แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพ ดังนั้นหากใครที่ต้องการให้เครื่องดูดฝุ่นใช้งานได้ยาวนานคุ้มค่า แนะนำให้ทำการชาร์จไฟให้เต็มก่อนใช้งาน และไม่ควรเสียบชาร์จไว้ตลอดเวลา เพราะอาจทำขั้วแบตเสื่อมสภาพไวค่ะ
กำลัง
กำลัง (Power) เป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถบ่งบอกได้ถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น มีความสัมพันธ์โดยตรงกับระบบมอเตอร์ โดยส่วนใหญ่จะหมายถึงความแรงและความเร็วในการดูดฝุ่น ซึ่งแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะทำออกมาแตกต่างกัน เพราะกำลังของแต่ละเครื่องจะต้องถูกมานำคำนวณเวลาในการใช้งาน
รวมถึงความสามารถในการดูดสิ่งของด้วย ซึ่งสำหรับในมอเตอร์เครื่องขนาดเล็กจะมีกำลังประมาณ 100 วัตต์ และในมอเตอร์เครื่องขนาดใหญ่จะมีกำลังประมาณ 300 – 400 วัตต์ และสำหรับเครื่องที่มีวัตต์เยอะ ๆ ยังกินแบตเตอรี่เยอะกว่า ทำให้ต้องเพิ่มความจุแบตเตอรี่ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมก็ต่างต้องอัพเกรดขึ้นด้วย ราคาจึงสูงกว่าเครื่องเล็กนั่นเองค่ะ
ระดับเสียง
ถึงแม้ว่าเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก และไม่จำกัดพื้นที่หรือต้องมีปลั๊กเสียบ ดังนั้นเจ้าเครื่องนี้จึงสามารถใช้งานได้ทั้งในพื้นที่เล็ก ๆ แคบ ๆ หรือแม้แต่ในรถยนต์ แต่หากในขณะทำงานมีเสียงดังมากเกินไป ก็จะเป็นการรบกวนโสตประสาทของผู้ใช้งานจนอาจพาลโบกมือลาไปได้ง่าย ๆ
ดังนั้นในการเลือกซื้อทุกครั้ง จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องเสียง โดยอาจจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางผู้จัดจำหน่าย หรือหากใครมีโอกาสไปเลือกซื้อที่หน้าร้านแนะนำให้ลองเปิดเครื่องใช้งานและลองฟังเสียงเครื่องขณะทำงาน เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ
น้ำหนัก
แน่นอนว่าการทำงานบ้านมักเป็นหน้าที่ของสาว ๆ หรือคุณแม่บ้าน ดังนั้นเรื่องน้ำหนักเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยิ่งเป็นเครื่องที่ไม่มีด้ามจับหรือเป็นแบบพกพาด้วยแล้ว คุณจะต้องประเมินว่าตัวเองสามารถจรับน้ำหนักเครื่องรวมทั้งอุปกรณ์เสริม เช่น แบตเตอรี่, หัวดูด, แปรง หรือบางเครื่องอาจมีการใช้น้ำร่วมด้วยได้หรือไม่
เพราะโดยทั่วไปแล้วเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายจะมีน้ำหนักมากกว่า 2 กิโลกรัมขึ้น และหากเป็นรุ่นที่มีกำลังแรงสูงและใช้งานได้อเนกประสงค์ก็จะยิ่งหนักมากกว่านี้ ซึ่งเราขอแนะนำว่าในตอนที่เลือกซื้อควรถามน้ำหนักสุทธิขณะใช้งานและควรเลือกแบบที่มีด้ามจับด้วยจะช่วยทุ่นแรงไปได้มากเลยค่ะ
ขนาด
สำหรับใครที่พักอาศัยในคอนโด หรือมีพื้นที่บริวณบ้านไม่กว้างมากนัก การจะเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาในบ้านแน่นอนว่าคุณต้องคำนึงถึงขนาด และสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายก็เช่นกัน ซึ่งแม้จะได้ชื่อว่าไร้สายและไม่ต้องมีสายไฟหรือต้องเสียบปลั๊กให้ยุ่งยาก
แต่ตัวเครื่องก็มีขนาดไม่ต่างกับเครื่องดูดฝุ่นปกติมากนัก แต่ปัจจุบันมีหลายรุ่นที่ได้พัฒนาแท่นวางที่สามารถติดกับผนังได้ และยังสามารถชาร์จแบตได้ในตัว แต่ราคาก็จะสูงกว่า ดังนั้นหากคุณจะเลือกซื้อก็ลองพิจารณาดูคุ้มค่ากับราคาหรือไม่ด้วยค่ะ
ซ่อมบำรุง
สำหรับการดูและรักษาสิ่งที่ต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกคือแบตเตอรี่ ที่ใช้แบตแบบลิเทียมไอออน ซึ่งตัวแบตจะมีการเสื่อมสภาพตามอายุลงทุกปีแม้คุณจะไม่ได้ใช้งานก็ตาม ดังนั้นแนะนำว่าควรเลือกซื้อกับร้านที่มีประกันสินค้าให้ นอกจากนี้ระบบมอเตอร์ของเครื่องและตัววัสดุอื่น ๆ ก็จะต้องได้รับการบำรุงรักษาให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานด้วย
โดยควรมีการถอดตัวกรองออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง และต้องไม่ลืมที่จะเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องและมอเตอร์ รวมถึงสังเกตการทำงานด้วย ซึ่งหากมีความผิดปกติควรนำไปให้ช่างประจำศูนย์เช็คดูจะดีที่สุดค่ะการจัดเก็บ ข้อดีของเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายคือการไม่มีสายไฟระโยงระยางให้ต้องม้วนเก็บยุ่งยาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากในการจัดเก็บที่จะสามารถวางไว้ตรงส่วนไหนของบ้านก็ได้
แต่แนะนำให้วางให้ห่างมือเด็กและไม่ควรวางใกล้ความร้อน, เตาแก๊ส, หรือโดนแดดจัด เพราะจะทำให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพเร็ว และยิ่งในปัจจุบันที่มีการออกแบบแท่นวางเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย ทั้งแบบติดกับฝาผนังและแบบแท่งตั้งกับเสา ยิ่งทำให้สะดวกต่อการจัดเก็บและง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้นค่ะ
คำถามและคำตอบ
คุณควรดูดฝุ่นบ่อยแค่ไหน?
หากสมาชิกในบ้านขอบคุณเป็นภูมิแพ้หรือมีอาการแพ้ฝุ่น ควรทำการดูดฝุ่น 1 – 3 วัน/ ครั้ง โดยเฉพาะพื้นบ้าน, โซฟา, ที่นอน, ที่นั่งเล่น และในรถยนต์ เป็นต้น แต่หากเป็นพื้นบ้าน ใต้เตียง หรือตามซอกมุมต่าง ๆ ควรทำความสะอาดทุกอาทิตย์เป็นอย่างน้อยค่ะ
คุณควรทำความสะอาดและเปลี่ยนตัวกรองสุญญากาศบ่อยแค่ไหน?
หากเป็นไปได้ แนะนำให้ทำความสะอาดตัวกรองสุญญากาศทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ เพื่อให้ครั้งต่อไปสามารถใช้งานได้อย่างเต็มกำลังและมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งป้องกันสิ่งสกปรกและการสะสมของเชื้อโรคที่อาจติดเป็นคราบในถังเก็บฝุ่นด้วยค่ะ
เครื่องดูดฝุ่นไม่ใช่เครื่องใช้ในครัวเรือนที่สำคัญเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น อ่านรีวิวของเราและพบกับอุปกรณ์ดีๆ ได้ที่นี่